THAI CLIMATE JUSTICE for All

ประมงพื้นบ้านซีกโลกใต้: ความท้าทายและการปรับตัวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้กลายเป็นความท้าทายสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนประมงพื้นบ้านในประเทศซีกโลกใต้ ซึ่งรวมถึงภูมิภาคแอฟริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ละตินอเมริกา และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกและอินเดีย ชุมชนเหล่านี้ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวน เช่น พายุที่รุนแรงขึ้น ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น การกัดเซาะชายฝั่ง และการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ ซึ่งทำให้การทำประมงในวิถีดั้งเดิมของพวกเขาไม่สามารถคาดการณ์ได้และมีความเสี่ยงสูงมากขึ้น การวิเคราะห์ผลกระทบและการปรับตัวของชุมชนประมงพื้นบ้านในซีกโลกใต้จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความอยู่รอดและการพัฒนาที่ยั่งยืนของพวกเขาในอนาคต【Allison et al., 2009; FAO, 2018】.

1. ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อประมงพื้นบ้านในซีกโลกใต้

ประเทศในซีกโลกใต้ซึ่งรวมถึงประเทศในแถบเส้นศูนย์สูตรและเขตร้อน เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลสูง และเป็นแหล่งประมงที่สำคัญของโลก อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ระบบนิเวศในพื้นที่เหล่านี้เกิดความไม่สมดุล ตัวอย่างเช่น อุณหภูมิของน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้การกระจายตัวของปลาเปลี่ยนแปลงไป สัตว์น้ำหลายชนิดต้องอพยพไปยังแหล่งน้ำที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมกว่า ซึ่งส่งผลให้ชาวประมงพื้นบ้านต้องเดินทางไกลขึ้นเพื่อหาทรัพยากรสัตว์น้ำ หรือบางครั้งไม่สามารถทำประมงได้ในช่วงเวลาทั่วไปของปี นอกจากนี้ การฟอกขาวของปะการัง (Coral Bleaching) ซึ่งเป็นแหล่งอนุบาลและที่อยู่อาศัยสำคัญของปลาและสิ่งมีชีวิตทางทะเล ยังส่งผลให้ปริมาณและความหลากหลายของสัตว์น้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง【Allison et al., 2009】.

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและความรุนแรงของพายุในภูมิภาคแถบชายฝั่งทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งและการสูญเสียพื้นที่อยู่อาศัยของชุมชนประมงพื้นบ้าน โดยเฉพาะในประเทศหมู่เกาะและพื้นที่ชายฝั่งที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลต่ำ ชุมชนเหล่านี้มักไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงเพียงพอในการรองรับความรุนแรงของพายุหรือน้ำท่วม การสูญเสียพื้นที่อาศัยทำให้ครอบครัวชาวประมงต้องย้ายถิ่นฐานและเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอย่างสิ้นเชิง【Kittinger et al., 2013】.

2. ความท้าทายในการปรับตัวของประมงพื้นบ้าน

ชุมชนประมงพื้นบ้านในซีกโลกใต้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำและพึ่งพาทรัพยากรจากการทำประมงเป็นหลัก จึงทำให้ความสามารถในการปรับตัวและการสร้างภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศมีข้อจำกัด นอกจากนี้ โครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจของชุมชนยังมีลักษณะการพึ่งพาตนเองสูง และบางครั้งขาดการสนับสนุนจากภาครัฐหรือองค์กรระหว่างประเทศอย่างเพียงพอ ในบางประเทศ นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมหรือการจัดการทรัพยากรประมงมุ่งเน้นไปที่การปกป้องสิ่งแวดล้อมในภาพรวม แต่กลับละเลยความต้องการของชุมชนประมงขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบอย่างเฉพาะเจาะจงมากกว่า ตัวอย่างเช่น มาตรการจำกัดการจับสัตว์น้ำในช่วงฤดูกาลวางไข่ โดยไม่มีการสนับสนุนรายได้ทดแทนสำหรับชุมชนประมงพื้นบ้าน กลายเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตของพวกเขาในระยะสั้น แม้จะมีประโยชน์ในระยะยาวต่อการฟื้นฟูทรัพยากร【Bennett et al., 2014】.

การปรับตัวในชุมชนประมงพื้นบ้านจึงต้องคำนึงถึงมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมร่วมด้วย การนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสมผสานกับวิธีการทำประมงแบบยั่งยืน เช่น การกำหนดเขตอนุรักษ์ในแหล่งประมง การใช้เครื่องมือประมงที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และการฟื้นฟูแหล่งอนุบาลปลา จะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการฟื้นฟูทรัพยากรและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบนิเวศและชุมชนประมงในระยะยาว นอกจากนี้ การพัฒนาอาชีพเสริม เช่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์ประมงหรือการทำการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ยังเป็นแนวทางในการกระจายความเสี่ยงและสร้างแหล่งรายได้เสริมให้กับชุมชนประมงพื้นบ้านได้อีกด้วย【Mcleod et al., 2005】.

3. แนวทางการปรับตัวและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

การสร้างภูมิคุ้มกันและการปรับตัวของประมงพื้นบ้านในซีกโลกใต้จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างรอบด้าน ทั้งในด้านการเสริมสร้างความรู้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน ตัวอย่างเช่น การฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการพยากรณ์สภาพอากาศและการจัดการความเสี่ยงจะช่วยให้ชุมชนสามารถวางแผนการทำประมงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสร้างท่าเรือที่มีความปลอดภัย และการติดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้าจะช่วยลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางทะเลได้ในระดับหนึ่ง【FAO, 2018】.

นอกจากการพัฒนาในด้านโครงสร้างแล้ว การสร้างกลุ่มสหกรณ์หรือการจัดตั้งเครือข่ายชุมชนประมงพื้นบ้านเพื่อสนับสนุนการจัดการทรัพยากรร่วมกันจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนในการต่อรองนโยบายและการจัดการทรัพยากร การสร้างเขตอนุรักษ์ทางทะเลและการส่งเสริมการทำประมงอย่างยั่งยืนจะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศและสร้างความมั่นคงให้กับแหล่งประมงในระยะยาว นอกจากนี้ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือการจัดตั้งกองทุนฉุกเฉินสำหรับการปรับตัวจะช่วยให้ชาวประมงพื้นบ้านสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อเผชิญกับความเสียหายจากภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ【Grafton et al., 2007】.

สรุป

ชุมชนประมงพื้นบ้านในซีกโลกใต้ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียแหล่งประมง การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ การปรับตัวจึงต้องอาศัยความร่วมมือในหลายระดับ ทั้งจากภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ และชุมชนเอง การจัดการที่มีประสิทธิภาพและการสนับสนุนที่ตรงจุดจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนให้แก่ประมงพื้นบ้านในซีกโลกใต้ เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงวิถีชีวิตดั้งเดิมและมีความมั่นคงในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ในระยะยาว【Hilborn et al., 2015】


อ้างอิง:

1. Allison, E. H., Perry, A. L., Badjeck, M. C., Adger, W. N., Brown, K., Conway, D., … & Dulvy, N. K. (2009). Vulnerability of national economies to the impacts of climate change on fisheries. Fish and Fisheries, 10(2), 173-196.

2. Bennett, N. J., Dearden, P., Murray, G., & Kadfak, A. (2014). The capacity to adapt?: Communities in a changing climate, environment, and economy on the northern Andaman coast of Thailand. Ecology and Society, 19(2), 5.

3. FAO. (2018). The State of World Fisheries and Aquaculture 2018: Meeting the Sustainable Development Goals. Food and Agriculture Organization of the United Nations.

4. Grafton, R. Q., Kompas, T., & Hilborn, R. W. (2007). Economics of overexploitation revisited. Science, 318(5856), 1601-1601.

5. Hilborn, R., et al. (2015). Effective fisheries management instrumental in improving fish stock status. Proceedings of the National Academy of Sciences, 112(24), 7286-7290.

6. Kittinger, J. N., Finkbeiner, E. M., Glazier, E. W., & Crowder, L. B. (2013). Human dimensions of coral reef social-ecological systems. Ecology and Society, 18(1), 1.

7. Mcleod, E., Salm, R., Green, A., & Almany, J. (2005). Designing marine protected area networks to address the impacts of climate change. Frontiers in Ecology and the Environment, 7(7), 362-370.

Scroll to Top