THAI CLIMATE JUSTICE for All

Climate Delay: ที่มา กลุ่มผลักดัน รูปธรรมตัวอย่าง สถานะทางนโยบาย ผลกระทบ และการคาดการณ์

บทนำ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกตระหนักถึงความเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม แนวคิดที่เรียกว่า “Climate Delay” หรือการถ่วงเวลาการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายและปฏิบัติการล่าช้า แนวคิดนี้ไม่ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่พยายามชะลอการดำเนินการด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจหรือการพึ่งพาเทคโนโลยีที่ยังไม่พร้อมใช้

ที่มาของแนวคิด Climate Delay

การถ่วงเวลาการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศเริ่มปรากฏชัดเจนในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะเมื่อหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (เช่น รายงาน IPCC ฉบับแรกในปี 1990) ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แทนที่จะปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมและผู้กำหนดนโยบายบางกลุ่มเลือกใช้กลยุทธ์ชะลอการดำเนินการ ด้วยข้ออ้างว่า “ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม”

ตัวอย่างเอกสารสำคัญที่สะท้อนแนวคิดนี้

  • Merchants of Doubt (Oreskes & Conway, 2010) ระบุว่าบริษัทน้ำมันและก๊าซเริ่มเปลี่ยนจากการปฏิเสธวิทยาศาสตร์ ไปสู่การสนับสนุนแผนการที่ล่าช้าหรือไม่เพียงพอ
  • IPCC (1990, 1995, 2001) ระบุว่าการถ่วงเวลาเพิ่มความเสี่ยงให้กับการลดอุณหภูมิโลก

กลุ่มผลักดัน Climate Delay

1. อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล

  • บริษัทเช่น ExxonMobil และ Shell มักสนับสนุนเทคโนโลยีเช่นการดักจับคาร์บอน (CCS) แทนที่จะลดการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล (Boucher, 2021)
  • การประชาสัมพันธ์ด้านพลังงานสะอาด เช่น การใช้คำว่า “Net Zero” โดยยังคงขยายการผลิตน้ำมัน

2. องค์กรธุรกิจ

  • บริษัทขนาดใหญ่ เช่น Amazon และ Microsoft ให้คำมั่น Net Zero ในปี 2050 แต่ยังไม่ลดการปล่อยคาร์บอนในระดับที่เพียงพอในปัจจุบัน (New Climate Economy Report, 2018)

3. นักการเมืองบางกลุ่ม

  • การเลื่อนเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซ เช่น เป้าหมาย Net Zero ในปี 2060 ของจีน และปี 2070 ของอินเดีย (IEA, 2021)

รูปธรรมตัวอย่างของ Climate Delay

1. การตั้งเป้าหมายระยะยาวโดยไม่มีแผนงานระยะสั้น

ตัวอย่าง: NDCs ที่หลายประเทศยื่นในการประชุม COP26 (2021) ชี้ว่าเป้าหมาย Net Zero ส่วนใหญ่ล่าช้ากว่าเป้าหมาย 1.5°C

2. การพึ่งพาเทคโนโลยีที่ยังไม่พร้อมใช้

การลงทุนใน CCS ของ ExxonMobil และ Chevron ระหว่างปี 2015-2022 พบว่ามีเพียง 5% ของงบประมาณด้านพลังงานสะอาดที่ถูกใช้จริง (Carbon Tracker Initiative, 2023)

3. การประชาสัมพันธ์ที่สับสน

แคมเปญ “Beyond Petroleum” ของ BP ถูกวิจารณ์ว่าใช้โฆษณาเพื่อปกปิดการลงทุนขยายการผลิตน้ำมัน

4. การเบี่ยงเบนความรับผิดชอบ

ชี้ว่า “พฤติกรรมผู้บริโภค” เช่น การลดการใช้พลาสติก เป็นกุญแจสำคัญ ทั้งที่การปล่อยก๊าซส่วนใหญ่เกิดจากอุตสาหกรรม

ผลกระทบของ Climate Delay

1. การเพิ่มต้นทุนในระยะยาว

รายงานของ Stern Review (2006) คาดว่าการชะลอการดำเนินการทำให้ต้นทุนการจัดการปัญหาเพิ่มขึ้น 5-10 เท่า

2. ผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง

รายงาน IPCC (2022) ชี้ว่าชุมชนในแอฟริกาและเกาะเล็กๆ จะได้รับผลกระทบที่รุนแรงที่สุด

3. การลดโอกาสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ

การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว เช่น พลังงานหมุนเวียน อาจเสียโอกาสสร้างงานหากการเปลี่ยนแปลงถูกเลื่อนออกไป (IEA, 2023)

4. การสูญเสียความไว้วางใจในภาครัฐ

ประชาชนในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร เริ่มสูญเสียความไว้วางใจในนโยบายภูมิอากาศที่ล่าช้า (Edelman Trust Barometer, 2023)

การคาดการณ์เกี่ยวกับ Climate Delay

1. แนวโน้มในอนาคต

หาก Climate Delay ยังคงดำเนินต่อไป อุณหภูมิโลกอาจเพิ่มขึ้นเกิน 2°C ภายในปี 2100 (UNEP Emissions Gap Report, 2023)

2. ผลลัพธ์ในระยะยาว

ความถี่และความรุนแรงของภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ไฟป่า และคลื่นความร้อน จะเพิ่มขึ้น

การอพยพของประชากรในประเทศชายฝั่ง เช่น บังคลาเทศ และหมู่เกาะแปซิฟิก อาจเพิ่มขึ้นกว่า 50 ล้านคนภายในปี 2050 (World Bank, 2021)

3. การขับเคลื่อนจากภาคประชาชน

การเคลื่อนไหวของเยาวชน เช่น Fridays for Future และการดำเนินการของเมืองต่างๆ อาจเร่งความเปลี่ยนแปลง

บทสรุป

Climate Delay เป็นความท้าทายที่ซับซ้อนและฝังรากลึกในระบบเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก แม้ว่าจะไม่ใช่การปฏิเสธปัญหาโดยตรง แต่ผลกระทบของการถ่วงเวลานั้นรุนแรงพอๆ กับการปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแก้ไข Climate Delay จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน การลงมือทำอย่างเร่งด่วน และการรับผิดชอบร่วมกันจากทุกภาคส่วน

การดำเนินการที่ล่าช้าไม่เพียงส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ สังคม และอนาคตของมนุษยชาติ การรับรู้ปัญหาและการเรียกร้องความโปร่งใสในแผนการดำเนินงานเป็นสิ่งสำคัญเพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้าง


อ้างอิง

1. IPCC. (1990, 1995, 2022). Assessment Reports.

2. Stern, N. (2006). Stern Review on the Economics of Climate Change.

3. UNEP. (2023). Emissions Gap Report.

4. Oreskes, N., & Conway, E. (2010). Merchants of Doubt.

5. World Bank. (2021). Climate Migration Projections.

6. IEA. (2021, 2023). Net Zero by 2050 Reports.

7. Carbon Tracker Initiative. (2023). Fossil Fuel Investments Analysis.

8. Edelman Trust Barometer. (2023). Global Trust in Climate Policies.

การหยุด Climate Delay ต้องการทั้งความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ การเมือง และการสนับสนุนจากประชาชน หากโลกต้องการเปลี่ยนวิกฤติให้กลายเป็นโอกาส

Scroll to Top