
โดย ผศ.ดร.ประพิมพ์ฝัน เชียงกูล
จากบทความ “Climate Change and Just Energy-Agrifood Transition: A View from Southeast Asia” ที่เขียนโดย Prapimphan Chiengkul ตีพิมพ์ในวารสาร Global Society
นำเสนอแนวคิดที่ขยายขอบเขตของการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม (Just Energy Transition) ให้ครอบคลุมถึงภาคเกษตรอาหาร (Agrifood Sector) ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บทความนี้ให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรมควรรวมถึง “การเปลี่ยนผ่านพลังงาน-เกษตรอาหารที่เป็นธรรม” (Just Energy-Agrifood Transition) ซึ่งต้องพิจารณาหลักการด้านความเป็นธรรมทั้งในแง่พลังงานและภาคเกษตรกรรม
1. ขอบเขตของการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม
การอภิปรายเกี่ยวกับ Just Transition หรือการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมมักมุ่งเน้นไปที่
– การช่วยเหลือแรงงานในภาคพลังงานให้สามารถปรับตัวและมีงานที่มั่นคง
– การสร้างงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Jobs)
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนให้เหตุผลว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนผ่านพลังงาน และภาคเกษตรอาหาร มีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องขยายขอบเขตของ Just Transition ให้ครอบคลุมถึงภาคเกษตรอาหาร เพื่อให้แน่ใจว่า
– ระบบเกษตรอาหารมีความยั่งยืนและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
– นโยบายด้านพลังงานและเกษตรต้องรวมหลักการของความเป็นธรรมทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
2. กรอบแนวคิดและแนวทางนโยบาย
จากมุมมองของ นิเวศวิทยาการเมือง (Political Ecology) และเศรษฐศาสตร์การเมืองเชิงวิพากษ์ (Critical Political Economy) บทความนี้เสนอแนวทางเชิงนโยบายที่สามารถช่วยขับเคลื่อน Just Energy-Agrifood Transition ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึง
2.1 การเข้าถึงพลังงานและอาหารอย่างถ้วนหน้า
– ส่งเสริม การเข้าถึงพลังงานสะอาดและอาหารที่เพียงพอสำหรับทุกคน เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
– ลดต้นทุนพลังงานและอาหารให้เหมาะสมกับคนรายได้น้อย
2.2 เทคโนโลยีที่ตอบสนองเป้าหมายทางสังคมและเศรษฐกิจ
– การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานและเกษตรที่คำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
ไม่ใช่แค่การพัฒนาแนวทางแก้ปัญหาทางเทคนิค แต่ต้องผสมผสานเป้าหมายด้านความเป็นธรรมทางสังคมเข้าไปด้วย
2.3 มาตรการลดผลกระทบด้านลบของการเปลี่ยนผ่านพลังงานและอาหาร
– จัดการกับผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมจากการเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานและเกษตร
ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนจากพลังงานฟอสซิลไปเป็นพลังงานหมุนเวียนอาจส่งผลกระทบต่อที่ดินของเกษตรกรรายย่อย หรือการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพอาจส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนที่ดินทำกิน
2.4 การกระจายงานที่เป็นธรรมและการจัดสรรทรัพยากรอย่างเท่าเทียม
– การกระจายงานสีเขียว (Green Jobs) และทรัพยากรการผลิตอย่างเป็นธรรม
– ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเกษตรกรรายย่อยและบริษัทเกษตรอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
2.5 แนวทางที่ขับเคลื่อนจากฐานราก
ส่งเสริม ระบบเกษตรอาหารที่ยั่งยืนและเป็นธรรมผ่านการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น
– สนับสนุนเกษตรกรรมทางเลือก เช่น เกษตรอินทรีย์และการเกษตรแบบยั่งยืนที่ลดการพึ่งพาสารเคมีและพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล
4. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษา
4.1 การสนับสนุนงานวิจัย
การศึกษานี้ได้รับทุนสนับสนุนจาก โครงการ Climate Change in Southeast Asia Programme (CCSEAP) ที่ ISEAS-Yusof Ishak Institute ในสิงคโปร์ ระหว่างปี 2565 – 2566 โดยเป็นส่วนหนึ่งของทุน Visiting Research Fellowship ของผู้เขียน
สรุป
บทความนี้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการขยายแนวคิด “Just Energy Transition” ไปสู่ “Just Energy-Agrifood Transition” เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนผ่านพลังงานเป็นธรรม ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ต้องพิจารณาถึงความเป็นธรรมในระบบเกษตรอาหารด้วย โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และปัญหาที่ดิน
แนวทางนโยบายที่แนะนำ รวมถึง
- การเข้าถึงพลังงานและอาหารที่เท่าเทียมกัน
- การพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์สังคม
- การจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
- การกระจายทรัพยากรอย่างเป็นธรรม
- แนวทางที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนฐานราก
การศึกษาเชิงนโยบายนี้เป็นอีกหนึ่งเสียงที่เรียกร้องให้ภาครัฐและภาคเอกชนตระหนักถึงความจำเป็นในการออกแบบนโยบายพลังงานและเกษตรอาหารที่ไม่เพียงแค่ลดคาร์บอน แต่ยังต้องเป็นธรรมและยั่งยืนในระยะยาว