
วันนี้ สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา – LDIThai Climate Justice for All ได้รับเกียรติจากมิตรเก่าแก่ คุณศจินต์ ประชาสรรค์ ที่ได้บ่มเพาะศิลปะบำบัด นำมาปรับใช้กับการอบรมสร้างการเรียนรู้ศิลปะกับนิเวศและสภาวะโลกร้อน
เริ่มด้วยการชวนผู้เข้าอบรมสืบย้อนไปไหนเรื่องราวของชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ที่มีเหตุการณ์หรือสิ่งโดนใจด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่บ่มเพาะวิธีคิดและวิถีชีวิตและความสนใจด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเรา
การสืบค้นย้อนกลับในอดีตหาจุดเปลี่ยนเล็กๆได้ทำให้เราเข้าใจตัวตนของเราได้ละเอียดขึ้นหลายสิ่งก็เป็นความทรงจำสีจาง ๆ ที่เราลืมเลือนไปแล้ว
ต่อมาด้วยการระบายสีน้ำของแต่ละคน เริ่มจากลงสีที่เป็นพื้นฐาน บริบทต่อความสนใจและสิ่งแวดล้อม และวาดสัญลักษณ์ที่เป็นแกนกลางสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมในใจของเรา
หลังจากนั้นก็ชวนทำกระบวนการกลุ่มด้วยการจับคู่เป็นสีต่าง ๆแล้วผลัดกันมาแต่งแต้มสีในแผ่นกระดาษ โดยเราต้องใช้จินตนาการอ่านความหมายที่เพื่อน ๆ แต่ละสีแต่งแต้มไปโดยเป้าหมายสุดท้ายเพื่อให้เกิดภาพโลกที่สมดุลย์
บอกได้เลยว่าไม่ง่ายเพราะหากเมื่อไหร่ที่เราเอาตัวเองเป็นใหญ่ สีของเรา ตำแหน่งแห่งที่ของเราก็จะยึดครองแผ่นภาพจนเสียสมดุล และอาจจะลืมเลือนเป้าหมายของการสร้างโลกที่น่าอยู่ ซึ่งสะท้อนกับความเป็นจริงมากกว่า เรายากที่จะออกแบบกำหนดกฎเกณฑ์ทั้งธรรมชาติและผู้คน แต่เราต้องเชื่อมโยงพลังสร้างสรรค์ต่าง ๆ เพื่อทำให้โลกน่าอยู่ให้ได้
ปิดท้ายด้วยการปั้นดินเหนียว โดยมีโจทย์ว่า เราอยากจะให้มนุษยชาติหรือตัวเราต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไรเพื่อที่จะทำให้สภาวะธรรมชาติของโลกสู่ความสมดุลและงดงาม
สมาชิกที่เข้าร่วมอบรมต่างปั้นดินออกมาเป็นความหมายที่เชื่อมโยงกัน
ตั้งแต่ให้มนุษย์ออกมาจากถ้ำที่ครอบความคิด จินตนาการของเรา กักขังให้อยู่ในโลกที่เอามนุษย์เป็นศูนย์กลางและโลกแห่งทุนนิยม ให้ออกมาสู่โลกที่สัมผัสกับสรรพชีวิตทั้งพืชและสัตว์ต่าง ๆ ที่ล้วนมีชีวิต จิตวิญญาณเท่าเทียมกับมนุษย์และมีสิทธิ์อยู่ร่วมโลกไม่น้อยไปกว่าเรา
ให้เราเห็นคุณค่าของธรรมชาติที่ทำให้เราดำรงอยู่ที่ให้อาหารที่มันคงกับเรา
โลกในอนาคตที่ควรจะเป็นจึงเป็นโรคที่มนุษย์ไม่ใช่เป็นศูนย์กลางอีกต่อไป
การเปลี่ยนผ่านนั้นได้ เราจะต้องมีฐานธรรมชาติที่เติมพลังให้กับเราไม่ว่าจะเป็นขุนเขา สายน้ำ สายลม ผืนดิน และไฟ
เราต้องทางเชื่อมประสานทั้งระหว่างมนุษย์ด้วยกัน และเชื่อมจิตวิญญาณกับธรรมชาติ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตนอกโลก555
จบกระบวนการศิลปะ ทำให้เราเห็นว่าเราต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เปลี่ยนรูปแบบแนวทางใหม่ ๆ ที่จะทำให้เรามีพลังทางปัญญาและจิตวิญญาณในการกู้วิกฤตธรรมชาติและสภาวะโลกร้อนให้ได้ดียิ่งขึ้นไป
ขอบคุณศจินต์มาก ที่สร้างกิจกรรมสุนทรียะทางปัญญาที่งดงามเช่นนี้








