
นิทรรศการภาพถ่ายที่จัดขึ้นเพื่อส่งต่อ “เสียงของคนชายขอบ” กลุ่มผู้คนด่านหน้าที่ต้องเผชิญผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ผลงานนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Thai Climate Justice for All และ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้ Bangkok Climate Action Week 2025 ซึ่งมีอีกกว่า 200 Event ร่วมกันขับเคลื่อน เพื่อค้นหานิยามของ Climate Action ในแบบของคนไทยใจกลางเมือง
ตลอดระยะเวลา 5 วัน ระหว่างวันที่ 1 – 5 ตุลาคม 2568 ภาพถ่ายกว่า 40 ชิ้นได้ถูกจัดแสดง ณ Creative Space ชั้น 3 Siam Discovery ผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินผ่านไปมา บ้างหยุดเพียงครู่เพื่อมองด้วยความสงสัย ทว่าหลายคนกลับถูกแรงดึงดูดบางอย่างนำให้ก้าวเข้ามาชมอย่างตั้งใจ
พวกเขาได้พบกับภาพจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ภาพที่บันทึกโดย “เจ้าถิ่น” ผู้ไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพ แต่เป็นผู้ที่มองเห็นความเปราะบางระหว่างผู้คนกับธรรมชาติ ผ่านสายตาและประสบการณ์ของตนเอง
ไม่ว่าจะด้วยความงดงามของภาพถ่าย หรือ “เสียง” บางอย่างที่แผ่วเบาออกมาจากภาพนั้น เราอาจไม่รู้แน่ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้แน่นอน คือ ภาพเหล่านี้ได้พูดอยู่ในใจของผู้ชมแล้ว มันสะท้อนผ่านแววตา คำพูด ความรู้สึก ทั้งต่อภาพที่เห็น ต่อเจ้าของผลงานผู้ถ่ายทอด และต่อโลกใบนี้
บางที…แม้แต่เสียงสะท้อนก็เกิดขึ้น ในใจของพวกเขาเอง
“โลกบังคับให้เราต้องดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา”
“คนส่วนใหญ่ไม่อยากแตะต้องปัญหา แต่ยังมีบางคนที่พยายามเพื่อส่วนรวม”
“ขอบคุณที่ถ่ายทอดภาพเหล่านี้ให้เราได้เห็น…”
เสียงเหล่านี้ต่างกันไปในแต่ละคน แม้จะยืนอยู่หน้าภาพเดียวกัน แต่ “เสียง” ของภาพไม่เหมือนกันเลยและสิ่งเหล่านั้นยังได้ฝากร่องรอยไว้บน บอร์ดความรู้สึก ของนิทรรศการ หลายคนแสดงความห่วงใยและยังคงมีความหวังว่าโลกจะเปลี่ยนได้ บางคนแม้ยังสับสน โกรธ หรือเศร้า แต่ก็ยอมรับและเข้าใจความจริงที่เกิดขึ้น
วันที่ 4 ตุลาคม 2568 ผู้มีส่วนร่วมในนิทรรศการได้มาพร้อมหน้ากันในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมวงเสวนาในหัวข้อ “เสียงจากภาพคนชายขอบในภาวะโลกร้อน” ตัวแทนผู้จัดและเจ้าของผลงานนั่งล้อมวงแลกเปลี่ยนเรื่องราว
เบื้องหลังของภาพแต่ละภาพเป็นมาอย่างไร ภาพเหล่านี้ทำงานอย่างไรในใจของผู้คน และท้ายที่สุด เราสามารถ “จับต้อง” ความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ จากความพยายามเล็ก ๆ ครั้งนี้ได้มากน้อยเพียงใด
เมื่อถึงปลายสุดของการเดินทาง ทุกเรื่องราวได้ถักทอเข้าหากันจนกลายเป็นบทสรุปเดียว ภาพหนึ่งภาพ จากมือสมัครเล่นหนึ่งคน แม้มิได้สมบูรณ์แบบตามหลักการถ่ายภาพ แต่มันคือ “เรื่องจริง” ที่คนถ่ายได้เผชิญอยู่ทุกวัน
เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว… เพียงพอที่ภาพนั้นจะส่งเสียงของมันเองออกมา และพร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมให้โลกใบนี้ได้ ขอแค่ภาพนั้น “อยู่ถูกที่ ถูกเวลา”แล้วพลังของผู้คนจะพาภาพนั้น เดินทางต่อไป สู่ปลายทางแห่งความหวัง…








