“ปราจีนร่วมสร้าง”
วันนี้เป็นวันที่ผม กฤษฎา บุญชัย และณัฐธิดา รัตนสวัสดิ์ (กะติ๊บ) มานำเสนอผลการดำเนินการ sandbox สู่การขับเคลื่อนระบบนิเวศเพื่อความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม กรณีปราจีนบุรี ที่จัดโดยสภาพัฒน์ฯ ร่วมกับกรณีศึกษาการเข้าถึงการศึกษาของเยาวชนในจังหวัดยะลา
จุดเริ่มต้นโดยสภาพัฒน์อยากจะสร้างโครงการทดลองปฏิบัติการหรือ sandbox ว่าจะสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมทางนโยบายระหว่างภาครัฐภาคประชาชนในระดับจังหวัดให้เป็นต้นแบบขึ้นมาได้อย่างไร
โดยมอบหมายให้ทางสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (LDI) ออกแบบดำเนินการด้วยการใช้แนวคิดระบบนิเวศพลังทางสังคม อันหมายถึง การออกแบบจัดสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดกระบวนการความร่วมมืออย่างเสมอภาคและเท่าเทียมและบูรณาการกันระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชน ภายใต้โครงสร้างปัญหาที่มีอยู่คือ การดำเนินการแนวดิ่งแยกส่วนและขาดการมีส่วนร่วมของรัฐที่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างภาครัฐกับประชาชน
ผลการดำเนินการในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา เริ่มต้นจากกระบวนการกำหนดประเด็นปัญหาร่วมกันของทุกฝ่าย จนคัดเลือกออกมาเป็นประเด็นด้านขยะกากอุตสาหกรรม การจัดการน้ำ และการจัดการเกษตร ซึ่งเป็นประเด็นที่มีผลกระทบในวงกว้าง และภาคประชาชนได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหาดังกล่าวตลอดมา
นำมาสู่การมองสถานการณ์ร่วมไปในอนาคตและสร้างความตระหนักร่วมกันว่าภาครัฐและประชาชนต้องร่วมมือกันถึงจะสู้ปัญหาที่ยากในระดับนี้ได้
กระบวนการ sandbox ได้นำมาสู่การกำหนดเป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ร่วมแผนยุทธศาสตร์ร่วมและสร้างกลไกการขับเคลื่อน
หัวใจอยู่ที่การสร้างพื้นที่กลาง ซึ่งเป็นทั้งพื้นที่ทางนิเวศ ทางสังคมและทางการเมืองที่ฝ่ายต่าง ๆ จะมาเรียนรู้ ถกเถียง วิเคราะห์ปัญหา และหาทางออกไปด้วยกัน
โดยตระหนักว่าปัญหาที่เกิดขึ้นที่ปราจีนฯ ไม่ว่าการถูกจัดวางให้เป็นเมืองทิ้งกากอุตสาหกรรมที่กระทบต่อระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม ปัญหาน้ำเสีย ไปจนถึงการเกษตร ที่แม้ปราจีนฯ จะเป็นเมืองที่มีทุนทางนิเวศ สังคมด้านเกษตรกรรมยั่งยืนและสมุนไพรอย่างเข้มแข็ง ภัยคุกคามเหล่านี้จะเปลี่ยนปราจีนฯ ไปอย่างที่คนปราจีนไม่ต้องการอย่างสิ้นเชิง
กลไกปฏิบัติการที่ออกแบบร่วมกันใหม่จึงเกิดขึ้นในนามว่า “ปราจีนร่วมสร้าง” เพื่อเปลี่ยนปราจีนฯ ด้วยเป้าหมาย ถอนหมุดหมายจากดินแดนแห่งการอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมสกปรก ไปสู่เมืองแห่งเกษตรอาหารและสมุนไพรที่ยั่งยืนและอุตสาหกรรมสีเขียวอย่างมีนวัตกรรมมีส่วนร่วมและธรรมาภิบาล
แม้จะเป็นกระบวนการทดลองในระยะสั้น แต่ด้วยพลังการขับเคลื่อนของประชาสังคมปราจีนฯ ที่เข้มแข็งในทุก ๆ กลุ่มทั้งการสร้างต้นแบบการจัดการน้ำ การจัดการเกษตร การปกป้องสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรม การตรวจสอบนโยบายที่มากระทบต่อชุมชน การทำฐานข้อมูลการผลักดันทางนโยบาย
ในวันนี้ ผมและกะติ๊บ ได้นำเสนอให้เห็นว่า หากทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อก้าวข้ามช่องว่างความไม่ไว้วางใจความเหลื่อมล้ำด้วยพื้นที่กลาง ข้อมูลร่วมรูปปธรรมร่วม และกลไกขับเคลื่อนร่วม
มีความหวังว่า “ปราจีนร่วมสร้าง” จะเป็นจุดเปลี่ยนกระบวนนโยบายอย่างมีส่วนร่วมในระดับจังหวัดและระดับชาติ
จะเปลี่ยนปราจีนไปสู่เมืองแห่งความผาสุขยั่งยืนทางนิเวศ เป็นธรรมทางสังคม เข้มแข็งทางเศรษฐกิจฐานราก
นั่นคือปราจีนก้าวไปข้างหน้า (ปราจีน Next)
เครือข่ายร่วมทางสังคมนี้จะขับเคลื่อนต่อไปจนกว่าจะบรรลุผล
และสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนาจะเป็นภาคีที่เข้มแข็งของประชาสังคมปราจีนฯ และภาคีต่าง ๆ ต่อไป






