มีวรรณกรรมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหลายเรื่องที่ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ ซึ่งช่วยให้ประเด็นวิกฤตสภาพภูมิอากาศถูกนำเสนอผ่านสื่อที่เข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น ตัวอย่างที่น่าสนใจ ได้แก่:
1. The Day After Tomorrow (2004): ภาพยนตร์ไซไฟที่นำเสนอภาพผลกระทบจากภาวะโลกร้อนซึ่งทำให้เกิดพายุหิมะและคลื่นความเย็นฉับพลันที่แผ่ขยายไปทั่วโลก โดยตัวเอกซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศต้องเดินทางไปช่วยลูกชายที่ติดอยู่ในนิวยอร์ก ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างความตื่นตระหนักเกี่ยวกับความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ【14】.
2. Snowpiercer (2013): ภาพยนตร์แนวดิสโทเปียที่เล่าถึงโลกในอนาคตหลังจากการทดลองเพื่อหยุดภาวะโลกร้อนไม่สำเร็จ ทำให้โลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็งใหม่ ผู้รอดชีวิตทั้งหมดต้องอาศัยอยู่บนรถไฟที่เดินทางรอบโลกตลอดเวลาและเกิดการแบ่งชนชั้นภายในรถไฟ เรื่องราวสะท้อนถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำและการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม【14】.
3. Interstellar (2014): ภาพยนตร์ของ Christopher Nolan ที่สร้างภาพโลกในอนาคตซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมรุนแรง เกษตรกรรมล่มสลาย ทำให้มนุษย์ต้องค้นหาดาวดวงใหม่เพื่อความอยู่รอด เรื่องนี้เชื่อมโยงประเด็นสภาพแวดล้อมกับการค้นหาทางออกสำหรับมนุษยชาติในมุมมองเชิงจักรวาลวิทยา【14】.
4. Annihilation (2018): ซีรีส์ที่ดัดแปลงจากนิยายของ Jeff VanderMeer โดยเล่าถึง “Area X” พื้นที่ลึกลับที่มีสภาพแวดล้อมผิดปกติและส่งผลต่อจิตใจของผู้คน สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างมนุษย์และธรรมชาติที่เกินกว่าจะเข้าใจได้ ซีรีส์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นการนำเสนอแนวคิดเชิงนิเวศวิทยาและความเปราะบางของสภาพแวดล้อมผ่านความรู้สึกเหนือจริง【15】.
5. Oryx and Crake และ The Year of the Flood: วรรณกรรมของ Margaret Atwood ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของไตรภาค MaddAddam ที่ถูกดัดแปลงเป็นมินิซีรีส์ นำเสนอโลกในอนาคตที่มนุษย์ทดลองทางพันธุกรรมจนเกิดภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อม ซีรีส์นี้ช่วยขยายความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เทคโนโลยีจะส่งผลกระทบต่อโลกธรรมชาติอย่างรุนแรง【15】.
ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการดัดแปลงวรรณกรรมสภาพภูมิอากาศเป็นภาพยนตร์และซีรีส์สามารถทำให้ประเด็นวิกฤตสภาพแวดล้อมเข้าถึงผู้ชมวงกว้างได้มากขึ้น และช่วยกระตุ้นให้เกิดการตระหนักรู้และการอภิปรายในสังคมอย่างมีพลังมากขึ้น.
