
มาตรการภายใต้มาตรา 6.8 ของข้อตกลงปารีสเป็นส่วนหนึ่งของกลไกความร่วมมือระดับนานาชาติที่ไม่ได้ใช้ตลาด (Non-market Approaches หรือ NMAs) เพื่อช่วยให้ประเทศต่าง ๆ บรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
มาตรา 6.8 เน้นไปที่การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการใช้วิธีการต่างๆ ที่ไม่ใช้ตลาดเพื่อให้ประเทศสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ โดยเฉพาะสำหรับประเทศกำลังพัฒนา
มาตรการภายใต้มาตรา 6.8 ประกอบด้วย:
1. การร่วมมือและการแบ่งปันข้อมูล: ส่งเสริมการแบ่งปันข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบายและแนวปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
2. การสนับสนุนเทคโนโลยี: สร้างกรอบการสนับสนุนการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปยังประเทศกำลังพัฒนา เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มความสามารถในการปรับตัว
3. การสร้างศักยภาพ: เสริมสร้างศักยภาพของประเทศที่ต้องการความช่วยเหลือในด้านการพัฒนานโยบายและแผนปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศ โดยเน้นไปที่ประเทศกำลังพัฒนาและกลุ่มที่มีความเปราะบางเป็นพิเศษ
4. การระดมทุน: สนับสนุนการจัดหาทรัพยากรทางการเงินที่เพียงพอและยั่งยืนให้กับโครงการและนโยบายที่เป็นไปตามเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะสำหรับประเทศที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งทุน
5. การพัฒนานโยบายและการดำเนินงานร่วมกัน: ส่งเสริมการพัฒนานโยบายร่วมกันระหว่างประเทศ เพื่อให้สามารถดำเนินการในระดับนานาชาติได้อย่างสอดคล้องและประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับนโยบายและกฎระเบียบภายในประเทศให้สอดคล้องกับเป้าหมายระหว่างประเทศ
6. การส่งเสริมการมีส่วนร่วม: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ทั้งรัฐบาล ท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการพัฒนาและดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับเป้าหมายของข้อตกลงปารีส
ตัวอย่างประเทศที่นำมาตรา 6.8 มาประยุกต์ใช้:
1. ชิลี ได้พัฒนาและนำเสนอโครงการภายใต้มาตรา 6.8 โดยเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนานโยบายด้านพลังงานหมุนเวียนและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ชิลีมุ่งเน้นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และลมเป็นหลัก และได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ในละตินอเมริกาเพื่อแบ่งปันความรู้และเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด
2. โมร็อกโก มีนโยบายภายใต้มาตรา 6.8 ที่เน้นการสร้างความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในชุมชนชนบท โดยเฉพาะการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและการปรับปรุงระบบการเกษตรให้สามารถรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น ประเทศได้จัดตั้งโครงการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยในการเปลี่ยนแปลงวิธีการเพาะปลูกเพื่อให้สามารถรับมือกับภาวะแห้งแล้งที่เพิ่มขึ้นได้
3. บังกลาเทศ ได้ใช้มาตรา 6.8 เพื่อพัฒนาโครงการการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในชุมชนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ทนต่อสภาพอากาศที่รุนแรงและการจัดตั้งเครือข่ายการเรียนรู้ระหว่างชุมชนเพื่อแบ่งปันประสบการณ์และกลยุทธ์ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
มาตรา 6.8 ถูกนำมาใช้ในหลายประเทศเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีทรัพยากรจำกัดและต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาศักยภาพและการปรับตัวต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ท่าทีของประเทศอุตสาหกรรมต่อมาตรา 6.8
ประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อย่างสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน รัสเซีย และญี่ปุ่น ต่อมาตรา 6.8 ของข้อตกลงปารีสมีความแตกต่างกันไปตามบริบทและนโยบายของแต่ละประเทศ:
1. สหรัฐอเมริกา: สหรัฐฯ มุ่งเน้นที่การใช้กลไกตลาด (Market-based Mechanisms) เป็นหลัก เช่น การซื้อขายเครดิตคาร์บอนภายใต้มาตรา 6.2 และ 6.4 สหรัฐฯ มีความกังวลว่ามาตรา 6.8 ซึ่งเน้นการดำเนินการที่ไม่ใช้ตลาด (Non-market Approaches) อาจส่งผลให้เกิดการบริหารจัดการที่ซับซ้อนและขาดประสิทธิภาพ สหรัฐฯ จึงมีท่าทีไม่สนับสนุนการขยายขอบเขตของมาตรา 6.8 อย่างชัดเจน แต่ยินดีร่วมมือในกรณีที่เป็นประโยชน์ต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับโลก
2. สหภาพยุโรป มีท่าทีที่เปิดกว้างต่อมาตรา 6.8 และได้สนับสนุนการใช้มาตรการที่ไม่ได้ใช้ตลาดเพื่อเสริมสร้างการปรับตัวและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ยุโรปเห็นว่ามาตรา 6.8 สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยยุโรปยังสนับสนุนการใช้มาตรการภายใต้มาตรา 6.8 ควบคู่ไปกับกลไกทางตลาด
3. สหราชอาณาจักร (UK) มีท่าทีที่สนับสนุนต่อมาตรา 6.8 ของข้อตกลงปารีส โดยมองว่าการใช้กลไกที่ไม่ใช้ตลาดสามารถช่วยเสริมสร้างการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน สหราชอาณาจักรได้มุ่งเน้นการพัฒนานโยบายที่รวมเอาการปรับตัวและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าด้วยกัน ผ่านการร่วมมือกับประเทศต่างๆ และการสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนา
ในส่วนของมาตรา 6.8 สหราชอาณาจักรได้สนับสนุนการสร้างกรอบความร่วมมือที่ไม่ต้องพึ่งพาการใช้กลไกทางตลาด เช่น การพัฒนานโยบายการใช้พลังงานหมุนเวียนและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรยังได้ผลักดันการแบ่งปันเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สหราชอาณาจักรมองว่าการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาสังคมและภาคเอกชนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินงานภายใต้มาตรา 6.8 เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว
4. จีน มีท่าทีที่สนับสนุนมาตรา 6.8 โดยเห็นว่าเป็นโอกาสในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จีนมองว่าการดำเนินงานภายใต้มาตรา 6.8 เป็นการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการปกป้องสิ่งแวดล้อม จีนยังสนับสนุนการแบ่งปันเทคโนโลยีและความรู้เพื่อช่วยประเทศกำลังพัฒนาในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
5. รัสเซีย มีท่าทีที่ระมัดระวังต่อมาตรา 6.8 โดยเน้นที่การรักษาอธิปไตยและความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายภายในประเทศ รัสเซียมองว่าการใช้กลไกตลาดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ก็ไม่ปฏิเสธความร่วมมือภายใต้มาตรา 6.8 อย่างไรก็ตาม รัสเซียมีความกังวลว่าการใช้มาตรการที่ไม่ได้ใช้ตลาดอาจทำให้เกิดการเข้ามาแทรกแซงในนโยบายภายในประเทศจากองค์กรระหว่างประเทศ
6. ญี่ปุ่น มีท่าทีที่เปิดกว้างและสนับสนุนต่อมาตรา 6.8 ของข้อตกลงปารีส โดยประเทศนี้เห็นว่ามาตรา 6.8 สามารถมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างการร่วมมือระหว่างประเทศและการพัฒนานโยบายที่ไม่ใช้กลไกทางตลาด ญี่ปุ่นได้มีการลงทุนและพัฒนานโยบายด้านพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานจากแหล่งทดแทนและการปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
ในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ญี่ปุ่นได้มีส่วนร่วมในโครงการที่มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีและการแบ่งปันความรู้ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่นมองว่ามาตรา 6.8 สามารถเป็นช่องทางในการสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีและนโยบายพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานภายใต้มาตรา 6.8 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความยั่งยืนและลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล
อ้างอิง:
UNFCCC. (2023). Unlocking Climate Ambition: the Significance of Article 6 at COP28. Retrieved from UNFCCC.
Smith School of Enterprise and the Environment. (2024). Article 6 in focus: Outcomes from COP28. Retrieved from Smith School.
UNFCCC. (2023). Unlocking Climate Ambition: the Significance of Article 6 at COP28. Retrieved from UNFCCC.
Smith School of Enterprise and the Environment. (2024). Article 6 in focus: Outcomes from COP28. Retrieved from Smith School.
อ้างอิง:
UNFCCC. (2023). Unlocking Climate Ambition: the Significance of Article 6 at COP28. Retrieved from UNFCCC.
Smith School of Enterprise and the Environment. (2024). Article 6 in focus: Outcomes from COP28. Retrieved from Smith School
United Nations Framework Convention on Climate Change (UNFCCC). (n.d.). Paris Agreement. Retrieved from UNFCCC Website
United Nations Framework Convention on Climate Change (UNFCCC). (n.d.). Guidance on cooperative approaches referred to in Article 6, paragraph 2, of the Paris Agreement and the work programme under the framework for non-market approaches referred to in Article 6, paragraph 8, of the Paris Agreement. Retrieved from UNFCCC Website