
จากการสำรวจและการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่าคนรุ่นใหม่ตื่นตัวและกังวลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากกว่าคนรุ่นก่อนอย่างชัดเจน ในใจรู้สึกว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศมากที่สุดในอนาคตโดยปัญหานี้ได้รับการมองว่าเป็นหนึ่งในความไม่ยุติธรรมระหว่างรุ่นที่สำคัญที่สุดในยุคปัจจุบัน
การสำรวจ Peoples’ Climate Vote ซึ่งจัดทำโดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) พบว่า เยาวชน โดยเฉพาะผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มีแนวโน้มที่จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลกมากกว่า ในการสำรวจนี้พบว่าเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีเห็นว่าปัญหาโลกร้อนเป็นปัญหาฉุกเฉินถึง 70%
- เทียบกับเยาวชนที่อายุมากขึ้นแล้ว 18-35 ปีตื่นตัวต่อปัญหาโลกร้อน 65%
- ส่วนหนุ่มสาวจนถึงผู้ใหญ่อายุ 36-59 ปี ตื่นตัวราว 66% และผู้สูงวัย 60 ปีขึ้นไปตื่นตัวราว 58%
นอกจากนี้ เยาวชนยังมีบทบาทสำคัญเข้าร่วมดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ การนัดหยุดเรียนเพื่อเรียกร้องการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ นำโดยบุคคลเช่น เกรตา ทุนเบิร์ก ได้แพร่กระจายไปยังมากกว่า 150 ประเทศ
การเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตัวในสังคม แต่ยังสร้างแรงกดดันรัฐบาลและบริษัทต่างๆ ในการยอมรับนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเยาวชนจะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน พวกเขายังคงเผชิญความท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะความไม่พอใจที่พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจอย่างจริงจัง เยาวชนมั/ก็จะถูกมองเป็นเพียงกลุ้มเปราะบาง แทนที่จะเป็นผู้มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลง
เยาวชนกังวลมากต่อผลกระทบระยะยาวของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่ออนาคตของพวกเขา รวมถึงความกลัวไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ความเสี่ยงด้านสุขภาพ และความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง ความกังวลนี้เรียกว่า “ความวิตกกังวลด้านสิ่งแวดล้อม” (eco-anxiety) พบมากขึ้นในหมู่เยาวชนอย่างลึกซึ้ง
ความกังวลของเยาวชนซีกโลกใต้
ผลสำรวจของ UNICEF และ UNDP
การสำรวจโดย UNICEF และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ระบุว่า เยาวชนในประเทศซีกโลกใต้ เช่น แอฟริกา เอเชียใต้ และละตินอเมริกา แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสูญเสียที่ดินทำกิน การเสื่อมสภาพของสิ่งแวดล้อม และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่รุนแรง
ในการสำรวจนี้ยังพบว่าเยาวชนในภูมิภาคเหล่านี้มองว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกเขา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขามีความตื่นตัวและมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเมื่อเทียบกับเยาวชนในประเทศตะวันตก
อย่างไรก็ตาม เยาวชนในซีกโลกใต้ยังเผชิญความท้าทายในการเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสในการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจในระดับโลก ซึ่งเป็นเหตุผลที่พวกเขารู้สึกว่าการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังขาดความเป็นธรรม
นอกจากนี้ พวกเขายังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีและข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการผลักดันนโยบายสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ
เปรียบเทียบกับเยาวชนในประเทศตะวันตก
เมื่อเปรียบเทียบกับเยาวชนจากประเทศตะวันตก ซึ่งมีโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรและข้อมูลที่ดีกว่า รวมถึงมีบทบาทในระดับนานาชาติที่ชัดเจนกว่า
ความกังวลของเยาวชนในซีกโลกใต้จึงเน้นไปที่การปกป้องชุมชนและการดำเนินการในระดับท้องถิ่นมากกว่า
ในขณะที่เยาวชนในประเทศตะวันตกมักมองหาการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างและนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก
การสำรวจเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่สำคัญในการรับมือกับปัญหาสภาพภูมิอากาศระหว่างเยาวชนในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ทั้งในด้านความกังวลและการเข้ามีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ไขปัญหา
อ้างอิง
1. UNICEF and UNDP reports on youth engagement and climate change in the Global South.
2. Studies and surveys related to climate change awareness and action in developing countries, as published in [Nature](https://www.nature.com/articles/s43247-023-00870-x).