เมื่อวันที่ 30-31 กรกฎาคมที่ผ่านมา TCJA โดยผม กฤษฎา บุญชัย และณัฐธิดา รัตนสวัสดิ์ (กะติ๊บ) ร่วมกับพี่พิชากร พิมลเสถียร (พี่ติ๊ก) บริษัทระยองพัฒนาเมือง จำกัด ได้จัดกิจกรรมเรียนรู้เยาวชน climate hack boot camp ขึ้น โดยมุ่งไปที่กลุ่มเยาวชนทั้งจากภาคตะวันออกและที่ต่าง ๆ ร่วม 30 ชีวิต (ตั้งแต่เด็กน้อยม. 5 ไปจนถึงประชาสังคมรุ่นใหม่ที่เป็นกำลังขับเคลื่อนในพื้นที่) มาฝึกฝน เรียนรู้ และออกแบบการขับเคลื่อนโลกร้อน ที่ค่าย Climate Hack Boot Camp ณ เมืองแกลงจังหวัดระยอง
คู่ขนานไปกับเวทีของเครือข่ายประชาชนเพื่อออกแบบการขับเคลื่อนโลกร้อน
ทำให้คนต่างวัยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์มุมมองซึ่งกัน
เริ่มตั้งแต่ให้ที่ประชุมทั้งเด็กและผู้ใหญ่หา paint points ว่าอะไรคือปัญหาความเดือดร้อนสำคัญของประชาชนในภาคตะวันออกต่อปัญหาวิกฤตโลกร้อน
สรุปออกมาได้เป็นประเด็นเรื่อง ความร้อนสูง อุทกภัย สุขภาพ และความมั่นคงอาหาร ซึ่งเป็นแก่นปัญหาที่ชุมชนเผชิญด้วยกันทั้งสิ้น
ผม กะติ๊บ และพี่ติ๊กได้ชวนน้อง ๆ ลองไปพูดคุยกับตัวแทนชุมชน นักพัฒนาเพื่อบอกเล่าปัญหาและประสบการณ์
แล้วชวนให้น้อง ๆ ลองกวาดสัญญาณค้นหาผลกระทบแต่ละเรื่องโยงไปเป็นลูกโซ่ โดยตั้งคำถามว่า หากอนาคตยังเป็นไปเช่นนี้ รูปธรรมปัญหาแต่ละเรื่องของภาวะโลกร้อนจะขยายตัวไปสู่ปัญหาต่าง ๆ อะไรกับใครบ้าง
แล้วลองมาค้นหารากกว่าปัญหากันเพื่อผลักให้น้อง ๆ คิดไปไกลกว่าปรากฏการณ์ที่เห็น
น่าสนใจที่น้อง ๆ ค้นหาความเชื่อมโยงของปัญหาได้อย่างซับซ้อนและมองหาจุดที่เป็นรากของแต่ละเรื่องทั้งในเชิงโครงสร้าง ทั้งในเชิงวิธีคิดความเชื่อ จนบางกลุ่มสรุปเลยครับว่าเป็นปัญหาของมนุษยชาติที่มีต่อโลก
แล้วเราก็มาออกแบบกันว่าจะหาจุดเปลี่ยนที่ส่งผลสะเทือนและน้อง ๆ ทำได้จะเป็นอะไรบ้าง
จากปัญหาความร้อนที่กระทบไปต่อเนื่องเรื่องการใช้ทรัพยากรจนเกิดปัญหาขยะ แล้วน้องได้ออกแบบกิจกรรมเรื่องระบบการกระจายของมือสองในชุมชนเพื่อลดทรัพยากร ลดการใช้พลังงานและเพิ่มรายได้ให้ชุมชน
จากปัญหาโลกร้อนที่กระทบความมั่นคงอาหาร ทำให้เกิดการใช้สารเคมีอย่างรุนแรง น้องอีกกลุ่มหนึ่งออกแบบเรื่องระบบข้อมูลข่าวสาร คลิปวีดีโอเชิญชวนให้คนกินผักอินทรีย์ผ่านรูปธรรมเช่น คะน้าอินทรีย์หวานอร่อย กว่าผักสารเคมีที่ให้รสขม
ขณะที่กลุ่มสนใจน้ำท่วม คิดเครื่องมือช่วยชาวบ้านอย่างประสบภัย เช่น ระบบ app ในการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าข้อมูลข่าวสารทุกรูปแบบ กระเป๋ายังชีพอเนกประสงค์ที่เหมาะกับชีวิตของชาวบ้านจริง ๆ ยามประสบภัยไปจนถึงคิดค้นระบบบ้านลอยน้ำอาจจะต้องเผชิญน้ำทะเลหนุนสูงจนท่วมบ้านเรือน
โครงการที่น้อง ๆ คิดค้นขึ้นเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจในพลังของรุ่นใหม่
พวกเขาไม่ได้ยอมจำนนต่อปัญหา พวกเขาไม่ได้ติดกับการร้องขอรัฐ หรือติดกับการแก้ปัญหาแบบแผนเดิมซ้ำๆซาก ๆ และที่สำคัญไม่ได้ตกอยู่ในวาทกรรมคาร์บอนนิยม
แต่เชื่อมโยงสภาพชีวิตจริงของชุมชนกับปัญหาภูมิอากาศได้อย่างน่าสนใจ
จากความร้อนออกไปสู่จัดการขยะ จากเรื่องผลกระทบอาหารไปสู่การจัดการความรู้ผ่านอินทรีย์ และจากปัญหาน้ำท่วมสู่เครื่องมือช่วยชีวิตที่รัฐควรจะทำตั้งนานแล้ว แต่น้อง ๆ กลับคิดค้นได้ตรงจุดของปัญหาที่ชาวบ้านเผชิญ จนคนรุ่นใหญ่ทั้งหมด ‘ซื้อ” ทุกโครงการที่น้อง ๆ ออกแบบ
น่าภูมิใจที่วิธีคิดความเป็นธรรมสภาพภูมิอากาศได้ก่อตัวในจิตใจของน้อง ๆ ที่เห็นปัญหาของคนเปราะบาง ชุมชนที่เผชิญกับวิกฤตโลกร้อน และพยายามออกแบบเพื่อคนเปราะบางเหล่านี้ ไม่ใช่ออกแบบเพียงแค่ตัวเอง
เพราะพวกเขาเหล่านี้คือพลังคนรุ่นใหม่ที่จะรับไม้ผลัดจากคนรุ่นพ่อรุ่นแม่มาเปลี่ยนวาระตะวันออก สร้างโลกเย็นที่เป็นธรรมให้เกิดขึ้นได้จริง ๆ
ขอบคุณเครือข่ายประชาชนวาระเปลี่ยนตะวันออกที่ส่งเสริมให้มีคนรุ่นใหม่มาสานต่อ ขอบคุณกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สนับสนุนกิจกรรมสำคัญในครั้งนี้ และขอบคุณคุณจารุณี คงสวัสดิ์ จากสยามสมาคมที่มาช่วยเติมเต็มแนวคิดด้านวัฒนธรรมกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับน้อง ๆ ได้อย่างดีงาม
#climatejustice#โลกร้อน#โลกเดือด











