THAI CLIMATE JUSTICE for All

‘วันศุกร์เพื่ออนาคต’ (Fridays for Future): จากการหยุดเรียนไปประท้วงเรื่องโลกร้อนของเยาวชนเพียงคนเดียวสู่การรวมตัวของเยาวชนทั่วโลก

โดย รศ. ดร. สร้อยมาศ รุ่งมณี

วันที่ 20 สิงหาคม 2561 เกรตา ธันเบิร์ก ซึ่งในขณะนั้นอายุ 15 ปี เริ่มการขบถโดยการไม่ไปโรงเรียน แต่ไปนั่งประท้วงที่รัฐสภาสวีเดนพร้อมกับป้าย “Skolstrejk för klimatet (หยุดเรียนเพื่อสภาพอากาศ)” ภาพของเธอกลายเป็นข่าวดัง และข้อความบนป้ายถูกนำไปแปลต่อเนื่องไปอีกหลายสิบภาษา

ความสนใจของเกรต้าต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมเริ่มตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เมื่อเธอได้เรียนรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นครั้งแรก โดยเธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอไม่อาจ “ปล่อยวางได้” เมื่อได้เห็นภาพขยะพลาสติกในมหาสมุทร หรือหมีขั้วโลกที่อดอาหาร จนก่อให้เกิดความรู้สึกว่าตนเองจะมีอนาคตหรือไม่ และนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า ความรู้สึกดังกล่าวอาจเกิดจากการที่เธอได้รับการวินิฉัยว่ามีอาการของโรคแอสเพอร์เกอร์ซินโดรม (Asperger Syndrome) ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับโรคออทิสติก เกรต้าเริ่มไม่อยากไปโรงเรียนแต่โชคดีที่พ่อกับแม่ของเธอเข้าใจและรับฟังความคับข้องใจดังกล่าว ต่อมาเมื่อมีข่าวการสังหารหมู่ในโรงเรียนและนักเรียนในรัฐฟลอริด้าประท้วงกฎหมายการพกอาวุธปืนของสหรัฐฯ เกรต้าจึงเกิดความคิดว่าจะต้องทำให้ผู้คนตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก และเรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดนใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นในการทำตามข้อตกลงปารีส เธอใช้วิธีออกไปนั่งประท้วงในวันแรกของภาคเรียนใหม่และเป็นช่วงกลางของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทั่วไปในสวีเดน เธอตั้งใจจะประท้วงสามสัปดาห์จนถึงวันศุกร์ที่ 7 กันยายน ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทั่วไป แต่เมื่อภาพของเธอปรากฎในข่าว ผู้คนก็เริ่มเข้ามาร่วมประท้วงกับเธอ หลังการเลือกตั้ง เกรต้าจึงตัดสินใจหยุดเรียนเพื่อไปประท้วงทุกวันศุกร์ การหยุดเรียนเพื่อประท้วงของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนทั่วโลกที่ร่วมเรียกร้องการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้ชื่อเคมเปญ Fridays for Future (FFF)  เจ็ดเดือนหลังจากการประท้วงครั้งแรกของเกรตา ในวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2019 การประท้วงได้ขยายตัวจนครอบคลุมผู้คนมากกว่า 1.4 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ในกว่า 2,000 เมืองใน 125 ประเทศทั่วโลก และเกรต้าเองก็เดินทางเพื่อเข้าร่วมประท้วงในสหรัฐฯ และร่วมการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตามแผนงานต่าง ๆ

หนึ่งปีหลังจากนั้น ในวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2019 ก่อนที่การประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ (UN Climate Action Summit) ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์คจะเริ่มขึ้น ผู้คนมากกว่า 4 ล้านคนเข้าร่วมการประท้วงใน 163 ประเทศ และยังก่อให้เกิดเครือข่ายนักเคลื่อนไหวซึ่งส่วนใหญ่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี และเป็นผู้ที่ออกมาเดินขบวนบนท้องถนนเป็นครั้งแรกอย่างสมัครใจ ด้วยเห็นร่วมกันว่า คนรุ่นใหม่ในฐานะต้องใช้ชีวิตบนโลกนี้ไปอีกนาน ควรได้รับการส่งต่อสภาพภูมิอากาศที่ดีกว่านี้เพื่อให้รัฐบาลทั่วโลกหันมาใส่ใจและแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง แคมเปญดังกล่าวดำเนินต่อไปจนถึงวันศุกร์ที่ 27 กันยายน โดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 7.6 ล้านคนใน 185 ประเทศ  นับเป็นกิจกรรมร่วมกันที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกจนถึงปัจจุบัน

และในงานประชุมที่นิวยอร์คนี่เอง เกรต้าได้กล่าวสุนทรพจน์สำคัญที่โด่งดังไปทั่วโลกซึ่งกล่าวถึงการประชุมของผู้ใหญ่ที่มองเรื่องเศรษฐกิจสำคัญกว่าสิ่งแวดล้อมและทิ้งภาระให้กับเด็ก ๆ ที่ต้องเติบโตบนความล่มสลายของสิ่งแวดล้อมในการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ (UN Climate Action Summit) ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2019 ว่า

“ฉันไม่ควรมาอยู่ที่นี่ ฉันควรกลับไปเรียนหนังสือที่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร แต่พวกคุณหาว่าหนุ่มสาวคือความหวัง คุณกล้าดีอย่างไร พวกคุณขโมยความฝันและวัยเด็กของฉันไปด้วยคำพูดที่ว่างเปล่า  ฉันเป็นหนึ่งในผู้โชคดี แต่ผู้คนกำลังทุกข์ทรมาน ผู้คนกำลังตาย ระบบนิเวศทั้งหมดกำลังล่มสลาย เราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ แต่สิ่งเดียวที่คุณพูดถึงคือเงินและนิทานเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจชั่วนิจนิรันดร์ คุณกล้าดีอย่างไร”

การออกมาประท้วงของเกรต้าและการยึดครองพื้นที่สื่อก่อให้เกิดกระแสในหมู่เยาวชน “หยุดเรียนไปเคลื่อนไหวเรื่องสภาพภูมิอากาศ (School Strike for the Climate Movement)” เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยมีการรวมกลุ่มของเด็กนักเรียน ในวันที่ 20 กันยายน 2562 กลุ่ม Climate Strike Thailand โดยเยาวชนรวมตัวกันบริเวณสถานีรถไฟฟ้าอารีย์เดินไปยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  เรียกร้องให้รัฐบาลไทยประกาศภาวะฉุกเฉินทางสภาพแวดล้อม และแก้ไขปัญหาโลกร้อน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลลดการใช้ฟอสซิล และหันมาใช้พลังงานหมุนเวียน 50% ภายในปี 2568 และ 100% ในปี 2573 ความรู้ด้านเทคโนโลยีของเยาวชนนักเคลื่อนไหวโดยเฉพาะการใช้โซเชียลมีเดียเต่าง ๆ เป็นวิธีการสื่อสารโดยตรงกับสาธารณชนที่แตกต่างกับสื่อดั้งเดิมอย่างวิทยุหรือโทรทัศน์ก่อให้เกิดความสนใจและนำไปสู่การเข้าร่วมชุมนุมของสาธารณชนอย่างกว้างขวาง

ปี 2020 การระบาดใหญ่ของ COVID-19 เป็นข้อจำกัดของการเคลื่อนไหวบนท้องถนน แต่ไม่ได้เป็นข้อจำกัดของ FFF  ซึ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการประท้วงสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การอภิปรายกลุ่ม ซึ่งจัดขึ้นทางออนไลน์ และใช้วิธีการนัดหยุดเรียนของชั้นเรียนออนไลน์ กลุ่ม FFF เชื่อมโยงวิกฤติโรคระบาดเข้ากับประเด็นโลกรวน  เช่น  มีการโพสต์ข้อความลงในโซเชียลมีเดีย เช่น “วิกฤตสภาพอากาศและระบบนิเวศเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดที่มนุษยชาติเคยเผชิญมา”  หรือ “หากไม่มีวิกฤตสภาพอากาศ COVID จะเป็นสิ่งที่เรากลัวมากที่สุด แต่เนื่องจากมีวิกฤตสภาพอากาศ นี่คือวิกฤตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”  FFF ส่งสาส์นถึงผู้ติดตามอยู่เสมอว่าการเคลื่อนไหวยังคงอยู่แม้จะมีการระบาดของโควิด-19  แต่กระนั้น หนึ่งปีหลังการระบาดของโควิด 19 วันที่ 19 มีนาคม 2021   การหยุดงานประท้วงเรื่องสภาพอากาศกลับมามีการรวมตัวอีกครั้งในหลายร้อยสถานที่ทั่วโลก แต่ขนาดของการรวมประท้วงน้อยลงมากเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ โรคระบาดและสงครามของรัสเซียกับยูเครนได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมืองรวมถึงเข้ายึดพื้นที่สื่อและความสนใจแทนที่ขบวนการ FFF

ปี 2023 ผู้นำเยาวชนอย่างเกรต้าเรียนจบชั้นมัธยมและออกมาเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายในฐานะนักเรียน เธอยืนยันว่าเธอยังจะเคลื่อนไหวในประเด็นสิ่งแวดล้อมต่อไปในฐานะผู้ใหญ่ ทำให้กลยุทธ์การประท้วงของเธอมีทั้งการชุมนุมโดยสันติและการฝ่าฝืนกฎหมาย เช่น การฝ่าฝืนคำสั่งการสลายการชุมนุม ซึ่งส่งผลให้มีการจับกุม  เช่น ในการเดินขบวนร่วมกับขบวนการ Extinction Rebellion (XR) ต่อต้านการอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เพื่อประณามการยกเว้นภาษีของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์สำหรับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงบริษัทน้ำมัน Shell และสายการบิน KLM และเมื่อเดือนกันยายนปี 2024 ที่ผ่านมา เกรต้ายังร่วมประท้วงสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในกรุงสตอกโฮล์มและเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ในขณะเดียวกัน แม้ว่าเกรต้าจะเริ่มก้าวไปสู่การประท้วงในแบบผู้ใหญ่แล้ว แต่สิ่งที่เธอริเริ่มและสร้างแรงบันดาลใจไว้ยังคงอยู่ กลุ่ม FFF ทั่วโลกยังคงเคลื่อนไหวและเชื่อมโยงประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกเข้ากับประเด็นความอยุติธรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะข้อขัดแย้งระหว่างประเทศอุตสาหกรรมบางประเทศที่สนับสนุนและได้รับประโยชน์จากการก่อให้เกิดวิกฤตสภาพภูมิอากาศจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล และผู้ที่ได้รับผลกระทบที่มักจะอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาและเป็นผู้เปราะบางจากวิกฤตดังกล่าว โดยล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมา ระหว่างงาน  Climate Week ที่มหานครนิวยอร์ค ระหว่างที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติหยิบยกประเด็นสภาพภูมิอากาศมาหารือ ขบวนการ FFF และนักเคลื่อนไหวจากภาคประชาสังคมอื่น ๆ ได้จัดกิจกรรมในนิวยอร์ค เบอร์ลิน บรัสเซลส์ ริโอเดอจาเนโร นิวเดลี และเมืองอื่นๆ ใน 50 ประเทศ ประณามบริษัทอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษ ธนาคารที่ให้เงินทุนสนับสนุนธุรกิจดังกล่าว และผู้นำโลกที่ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ โดยหากนับเวลา 6 ปี ตั้งแต่ที่เกรต้าเริ่มประท้วงเมื่อปี 2018 อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 0.29 องศาเซลเซียส โดยปี 2023 สร้างสถิติปีที่ร้อนที่สุด  ซึ่งในบริบทของ FFF นี่คือความไม่เท่าเทียมกันระหว่างรุ่น โดยคนรุ่นเก่ามีส่วนก่อให้ปัญหามากกว่า แต่เยาวชนจะต้องเผชิญกับผลกระทบดังกล่าวอย่างอยุติธรรม และเป็นประเด็นที่ต้องเคลื่อนไหวต่อไป โดยต้องมุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนและนักเคลื่อนไหวทั่วโลกให้ร่วมมือกันเรียกร้องให้มีการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศอย่างเร่งด่วน  

แหล่งที่มาของข้อมูล

สำนักข่าวออนไลน์

https://www.bbc.com/news/world-europe-68749936

https://www.dw.com/en/coronavirus-fridays-for-future-fff-covid-19-pandemic-climate-strike/a-56911641)

https://www.euronews.com/green/2024/09/20/global-strikes-across-50-countries-demand-action-as-two-major-climate-events-begin-in-new-

https://www.euronews.com/green/2023/08/21/from-solo-protest-to-global-movement-five-years-of-fridays-for-future-in-pictures

https://globaldialogue.isa-sociology.org/articles/fridays-for-future-a-social-movements-perspective

https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_230923

https://www.politico.eu/article/greta-thunberg-arrested-at-pro-palestinian-demonstration-again

https://theconversation.com/what-lies-ahead-for-fridays-for-future-and-the-youth-climate-movement-147152

https://www.theguardian.com/world/2019/mar/11/greta-thunberg-schoolgirl-climate-change-warrior-some-people-can-let-things-go-i-cant

บทความวิชาการ

Sorce, G., & Dumitrica, D. (2021). #fighteverycrisis: Pandemic Shifts in Fridays for Future’s

Protest Communication Frames. Environmental Communication, 17(3), 263–275. https://doi.org/10.1080/17524032.2021.1948435

Shim, D. Personalising climate change—how activists from Fridays for Future visualise climate

action on Instagram. Humanit Soc Sci Commun 11, 1073 (2024). https://doi.org/10.1057/s41599-024-03556-7

Scroll to Top