เขียนโดย ลอรี่ เลย์บอร์น -แลงตัน
วันที่ 7 พฤษภาคม 2564
แปลและเรียบเรียงโดย ปิโยรส ปานยงค์
อ้างอิง Climate targets won’t meet themselves
ถ้าเราต้องการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เราจะต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจโลก การบริโภค ขั้วอำนาจ และความเป็นธรรมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะเราคงเห็นแล้วว่าระบบเศรษฐกิจที่ออกแบบและขับเคลื่อนโดยการเมืองกระแสหลักนั้นไม่สามารถนำโลกไปสู้เป้าหมายด้านการลดก๊าซเรือนกระจกได้ ที่ผ่านมาเราได้เห็นความกระตือรือร้นในการแก้ไขปัญหาจากทุกประเทศทั่วโลก เราได้รับฟังแถลงการณ์และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องมากมายเพื่อหาทางแก้ปัญหาและให้คำมั่นสัญญาที่จะทำทุกวิถีทางที่จะบรรลุเป้าหมายใหญ่ของการแก้ปัญหาโลกร้อน ต่อไปนี้เป็นความก้าวหน้าเชิงรูปธรรม

ระบบนิเวศ
นานาประเทศต่างก็ทดลองใช้นโยบายทางเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการบรรลุเป้าหมายโลกร้อน ซึ่งรวมไปถึงละทิ้งความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณเสีย เพื่อจัดสรรงบประมาณแผ่นดินสำหรับแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในจำนวนที่สูงกว่าที่เคยจัดสรรมา ดังที่เราได้เห็นจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่พยายามผลักดันระบบการเงินออกจากการลุงทุนในภาคพลังงานถ่านหิน ทำให้ยุคเสรีนิยมใหม่นี้กำลังเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด โดยสรุปแล้ว ดูเหมือนว่าในที่สุดการเมืองกระแสหลักจะหันมาให้ความสนใจใจปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างเต็มที่ ถึงกระนั้นก็ดี เป้าหมายการลดกาซเรือนกระจกนั้นจะไม่สำเร็จด้วยตัวของมันเอง ความพยายามในการแก้ปัญหาในช่วงที่ผ่านมานั้นถือว่าอ่อน และโดยส่วนมากจะมาจากภาคพลังงานทางเลือกและกลไกตลาด
ขั้นตอนต่อไปนั้นจะยากกว่ามาก คือการที่บรรลุเป้าหมาย 78% ที่กำหนดขึ้นโดยสหราชอาณาจักรนั้นจะต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับสังคมในช่วงเวลาระหว่างเปิดภาคการศึกษาในเดือนกันยายนถึงวันที่พวกนักเรียนจบการศึกษาในปี 2035
ผู้นำโลกและรัฐบาลของพวกเขาจำนวนหนึ่งมีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายนี้ ตามที่รายละเอียดของถ้อยแถลงที่ผ่านมาเร็วๆ นี้ได้ระบุเอาไว้ แต่ทว่ายังขาดข้อเสนอที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่นโยบายและระบบเศรษฐกิจที่เหมาะสม ทำให้ความพยายามดังกล่าวอาจประสบอุปสรรคสำคัญสามประการที่นโยบายหลักในปัจจุบันยังไม่สามารถแก้ไขได้
ประการที่หนึ่งคือการบริโภค ณ จุดนี้ เราต้องตระหนักว่าภาวะฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศเพียงแค่ประการเดียว เพราะมีเรื่องสภาพดินและป่าเสื่อม จำนวนประชากรสัตว์ลดลงกว่าสองในสามตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา และระบบนิเวศน์ส่วนใหญ่ถูกทำลายลง
ภาพที่สื่อกระแสหลักมักใช้สื่ออกไปนั้นมักโฟกัสไปที่ปัญหาภูมิอากาศ และความพยายามที่จะแก้ไขโดยการนำพลังงานสะอาดมาใช้แทนเทคโนโลยีเก่าที่ใช้พลังงานฟอสซิล โดยการให้การสนับสนุนด้านราคาและตั้งกฎเกณฑ์เพื่อเร่งความพยายามให้เกิดผล ในขณะที่การดำเนินการดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่เราต้องตระหนักว่าการเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดก็ทำให้เกิดผลกระทบเช่นกัน และบางสิ่งที่เราบริโภคกันอยู่ในชีวิตประจำวันนั้นจะไม่มีทางที่จะเปลี่ยนมาใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้เลย โดยสรุปแล้ว เราไม่แน่ใจว่างบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรไว้นั้นจะเพียงพอที่จะลดการปลดปล่อยกาซเรือนกระจก ปรับปรุงฟื้นฟูสภาพดิน และฟื้นฟูระบบนิเวศน์ โดยวิธีใช้พลังงานสะอาดและคิดค้นวัตถุดิบทดแทนสำหรับการบริโภคที่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยในโลกตะวันตกและในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ในความเป็นจริงนั้น แผนการดังกล่าวดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ จากหลักฐานที่ปรากฏอยู่ ถึงแม้ว่าพฤติกรรมการบริโภคดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพและความไม่เท่าเทียมกัน ดังที่วิกฤติโควิดแสดงให้เห็น
ประการที่สองได้แก่อำนาจทางการเมือง วิธีการที่นักการเมืองแถวหน้าและผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายใช้ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานั้นคือความพยายามที่จะมองข้ามความสำคัญของระบบการเงิน บริษัทพลังงานถ่านหิน และกลุ่มที่สำคัญอื่นๆ ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องภาวะฉุกเฉินด้านภูมิอากาศ
ความไม่เสมอภาคเท่าเทียม
มาตรฐานอุตสาหกรรมในประเทศต่างๆ นั้นมักเป็นการขอความร่วมมือมิใช่การบังคับใช้ คณะกรรมการบริหารของบริษัทนั้นมักสนใจเพียงการทำกำไรในระยะสั้น ซึ่งส่วนมากจะนำไปสู่ปัญหาส่งแวดล้อม ข้อตกลงระหว่างประเทศมักให้สิทธิพิเศษแก่บริษัทเหล่านี้ที่จะฟ้องร้องทางกฎหมายต่อรัฐบาลที่ออกนโยบายเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ทำให้บริษัทเหล่านี้สูญเสียรายได้ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเรากำลังเดินถอยหลังตั้งแต่ข้อตกลงปารีส จากเงินลงทุนโดยธนาคารต่างๆ ในภาคพลังงานฟอสซิลเป็นจำนวนรวมถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินจำนวนนี้คืออำนาจของกลุ่มธนาคารเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ เพื่อผลักดันนโยบายที่ตนเองต้องการ และเพื่อหลบอยู่หลังนโยบายสิ่งแวดล้อมปลอมๆ
ประเด็นนี้ได้ถูกยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างในคำกล่าวอ้างของนายมาร์ค คาร์นีย์ถึงบทบาทใหม่ของกองทุนบริหารความเสี่ยงของเขาว่าเป็นบริษัทที่มีปริมาณการปลดปล่อยกาซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เพราะว่าบริษัทได้ “หลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซ” ด้วยการลงทุนในพลังงานทางเลือกแทนพลังงานถ่านหิน ที่จะนำมาหักลบออกจากการปล่อยกาซเรือนกระจกในธุรกิจอื่นๆ ของตน
ประการที่สาม เรื่องของความเป็นธรรมทางภูมิอากาศ วิกฤติสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันนั้นขาดความเป็นธรรมอย่างยิ่ง โดยทั่วไปนั้น ประเทศที่ก่อให้เกิดวิกฤติสิ่งแวดล้อมนั้นได้รับผลประโยชน์มหาศาลในทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคม ดังนั้นจึงมีความสามารถที่จะปกป้องประชากรและผลประโยชน์ของตนได้ดีกว่า แต่ผลกระทบดังกล่าวกลับไปส่งผลร้ายต่อประเทศที่ไม่ได้ก่อปัญหา และไม่ได้เตรียมตัวต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
ประชาธิปไตย
โลกแห่งความแตกแยกและไม่เสมอภาคเป็นอย่างยิ่งนี้ทำให้เราเหลือทางเลือกไม่มาก นอกจากจะต้องสร้างวัฒนธรรมในการอนุรักษ์ระบบนิเวศที่เปลี่ยนจากการปฏิเสธความรับผิดชอบเป็นก้าวออกมาแสดงความรับผิดชอบและพร้อมที่จะลงมือแก้ไข ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเผชิญหน้ากับวิกฤติ
สมมติว่า ต่อให้โลกจะพร้อมต่อการเผชิญหน้ากับวิกฤติโลกร้อน แต่ปัจจุบันเราก็ยังขาดนโยบายในทางปฏิบัติที่จะมาบรรเทาความเหลื่อมล้ำภายในประเทศและระหว่างประเทศ เราได้เห็นความล้มเหลวของประเทศที่ร่ำรวยในความพยายามที่จะสนับสนุนทุนแก่ประเทศยากจนในการตั้งรับปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นอกจากนั้น ภายในประเทศเองเราก็ได้เห็นความเหลื่อมล้ำในระบบประกันสุขภาพมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว
ในขณะที่ผู้นำโลกแสดงเจตนารมณ์ที่จะแก้ปัญหาและออกนโยบายที่จะช่วยให้ตลาดหันมาใช้พลังงานสะอาดได้ ประเทศต่างๆ ก็จะต้องสร้างระบบการเมืองใหม่ที่สามารถรับมือต่อความท้าทายด้านการบริโภค อำนาจ และความยุติธรรม บนรากฐานดังกล่าว โดยจะต้องปรับโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับดุลอำนาจโดยการเปลี่ยนมือเจ้าของกิจการและสร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นประชาธิปไตย กำหนดเป้าหมายทางเศรษฐกิจเสียใหม่ และแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมในระบบประกันสุขภาพไปด้วยกัน
การลดก๊าซเรือนกระจก
ต้องขอบคุณที่เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองดังกล่าวจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกาและอังกฤษด้วย การเมืองแนวใหม่นี้มักพบในทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์แบบโดนัทโมเดล ที่รวมเอาการอยู่รอดของมนุษย์และความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกันเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจ โมเดลนี้ได้ถูกนำมาใช้โดยนักการเมืองท้องถิ่นในการปรับโครงสร้างชุมชนของตนโดยการก่อสร้างโครงการบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในหลายเมือนำมาใช้ในการวางแผนลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เพิ่มการใช้รถยนต์ในการสัญจรร่วมกันหรือใช้จักรยานหรือการเดิน และสร้างสวนสาธารณะเพิ่ม
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้กำลังเข้าถึงชุมชนที่มีความพร้อมในการปรับตัวให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแต่ถูกทอดทิ้งไว้ในความไม่แน่นอนของระบบโลกาภิวัตน์ กำลังสร้างแรงกดดันต่อสถาบันทางการเงินโดยการโยกเงินลงทุนไปยังระบบสหกรณ์ ธนาคารของรัฐ และนักบริหารสินทรัพย์สาธารณะ และกำลังแสดงให้ประชาชนเห็นประโยชน์จากการเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อมแทนที่จะตกอยู่ในวังวนของการบริโภคนิยมที่ไม่มีที่สิ้นสุด
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยังกำลังเข้าถึงนโยบายของรัฐ ซึ่งในหลายประเทศกำลังทบทวนถึงแนวคิดเรื่องการอยู่รอดร่วมกันระหว่างคนและธรรมชาติในการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย และผลักดันให้เกิดการประชุมที่ประเทศต่างๆ จะนำเอาแนวคิดการกำหนดเป้าหมายลดก๊าซบนหลักการคำนวณปริมาณก๊าซสะสม (ไม่ใช่ปริมาณปัจจุบัน) ที่มีความยุติธรรมกว่าไปปฏิบัติ
ความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงที่กล่าวมาแล้วยังกำลังทำลายสนธิสัญญาที่ขาดความเป็นธรรมที่เอื้อประโยชน์แก่ภาคเอกชนที่มีกิจกรรมที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กำลังกระตุ้นให้ธนาคารกลางใช้บทบาทอำนาจในความเป็นผู้วางแผนเศรษฐกิจโลกในการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ยั่งยืนและเป็นธรรม และกระตุ้นให้คลังเลิกคิดถึงการขาดดุลงบประมาณหลอกๆ เสีย และโดยพื้นฐานแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องของสุขภาพ การระบาดของไวรัสโควิด 19 ได้แสดงให้เราเห็นว่าสาเหตุของสุขภาพที่ย่ำแย่นั้นเป็นปัจจัยที่ทำให้เราเปราะบางต่อโรคติดต่อได้อย่างไรบ้าง สาเหตุเหล่านี้รวมไปถึงที่อยู่อาศัยคุณภาพต่ำ งานที่หนักเกินกำลัง ระบบประกันสุขภาพที่มีงบจำกัด และผลพวงของความไม่เป็นธรรมทางเชื้อชาติและสีผิว ทั้งหมดนี้กระตุ้นให้คนเป็นโรคอย่างเบาหวาน โรคอ้วน และโรคหัวใจ ซึ่งทำให้เราเปราะบางต่อการระบาดของไวรัสโควิด 19
สิ่งที่จะต้องทำเพื่อกำจัดสาเหตุของปัญหาสุขภาพและความเปราะบางต่อโรคติดต่อนั้น เป็นสิ่งเดียวกับที่เราจะต้องทำในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกและรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ได้แก่การปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะ ที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ อาหารที่มีคุณภาพ และดุลอำนาจทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศต่างๆ ระบอบการเมืองใหม่ดังที่กล่าวมานั้นมีศักยภาพที่สูงมากเนื่องจากเป็นระบอบที่จะเชื่อมต่อความกังวลที่เป็นนามธรรมของชนชั้นสูงเข้ากับประสบการณ์จริงของชีวิตที่ยากลำบาก การถูกลิดรอนสิทธิ และโมเดลทางเศรษฐกิจที่ล้มเหลวในอดีตที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ ระบอบการเมืองนี้จึงจำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้นให้ได้ ในขณะที่เราผ่านพ้นวิกฤติการณ์ไวรัสโควิด 19 มาได้นั้น ระบอบนี้จะต้องเข้ามาแทนที่ระบอบเดิมที่ไม่มีคำตอบให้แก่ความท้าทายในการบริโภค อำนาจ และความเป็นธรรม เมื่อถึงเวลานั้นเราจึงสามารถพูดได้ว่าเรากลับมาคุมเกมได้อีกครั้งหนึ่งอย่างแท้จริง