THAI CLIMATE JUSTICE for All

เป้าหมายการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 2°C ‘จบสิ้นแล้ว’ นักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศระดับแนวหน้ากล่าว

โดย Cristen Hemingway Jaynes
เผยแพร่เมื่อ: 5 กุมภาพันธ์ 2025
แก้ไขโดย Chris McDermott

งานวิจัยใหม่เผย: นักวิทยาศาสตร์ประเมินความร้อนของโลกต่ำเกินไป

ศาสตราจารย์ James Hansen นักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศชื่อดัง และคณะนักวิจัย ได้เปิดเผยว่านักวิทยาศาสตร์ได้ประเมินอัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกต่ำเกินไป และเป้าหมายการจำกัดอุณหภูมิไม่ให้เกิน 2°C ซึ่งเป็นเป้าหมายระดับโลก “ไม่สามารถบรรลุได้แล้ว”

รายงานจาก The Guardian ระบุว่าการลดมลพิษจากการขนส่งทางเรือในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผลช่วยสะท้อนแสงอาทิตย์ อาจส่งผลให้โลกร้อนขึ้นเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกัน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลกลับสูงขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์

“ปรากฏการณ์โลกร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้รับการเปิดเผย—และที่น่าตกใจก็คือ มันเกิดขึ้นเพราะมลพิษที่ลดลง”
—ศาสตราจารย์ Jeffrey Sachs ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

งานวิจัยดังกล่าวมีชื่อว่า “โลกร้อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว: องค์การสหประชาชาติและประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่?” ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Environment: Science and Policy for Sustainable Development

โลกร้อนเกิน 1.5°C จะกลายเป็นภาวะถาวร

ในรายงานระบุว่า แม้โลกจะเข้าสู่ปรากฏการณ์ ลานีญา (La Niña) ซึ่งเป็นช่วงที่อุณหภูมิโลกมักจะเย็นลง แต่การลดลงของละอองลอยจากเรือเดินสมุทร (ship aerosols) ได้สร้างภาวะโลกร้อนที่ไม่สามารถกลับคืนได้ ทำให้คาดว่าอุณหภูมิโลก จะไม่ลดลงต่ำกว่า 1.5°C จากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมอีกต่อไป

นักวิจัยยังเตือนว่า คลื่นความร้อน พายุหมุนเขตร้อน พายุฝนฟ้าคะนอง น้ำท่วม และภัยแล้งรุนแรงขึ้น ล้วนเป็นผลมาจากอุณหภูมิของมหาสมุทรที่สูงขึ้นและบรรยากาศที่กักเก็บไอน้ำมากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญเตือน: หากคาดการณ์ถูกต้อง โลกอาจเผชิญหายนะเร็วขึ้น

นักวิทยาศาสตร์อิสระที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในงานวิจัยนี้ยอมรับว่า แม้ผลการศึกษาอาจมีค่าที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของการประเมินกระแสหลัก แต่ก็ยังเป็นไปได้

“สิ่งสำคัญคือทั้งการลดมลพิษและความไวต่อภูมิอากาศ (climate sensitivity) ยังคงเป็นเรื่องที่มีความไม่แน่นอนสูง”
—ดร. Zeke Hausfather นักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศ

หากการคาดการณ์ของ Hansen และทีมวิจัยเป็นจริง ปรากฏการณ์สภาพอากาศสุดขั้วจะเกิดขึ้นเร็วขึ้น และ ความเสี่ยงที่ระบบหมุนเวียนของมหาสมุทรแอตแลนติก (AMOC) จะล่มสลายก็จะเพิ่มขึ้น

เป้าหมาย 2°C สิ้นสุดแล้ว: Hansen ยืนยันว่าโลกใช้พลังงานเพิ่มขึ้น

“IPCC เคยกำหนดสถานการณ์ที่ให้โอกาส 50% ในการรักษาอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 2°C—แต่มันเป็นไปไม่ได้แล้ว”

—ศาสตราจารย์ James Hansen

Hansen ระบุว่า เป้าหมายการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 2°C ได้ตายไปแล้ว เนื่องจาก อัตราการใช้พลังงานทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้น และจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป

Hansen เป็นอดีตนักวิทยาศาสตร์ของ NASA และเคยเป็นหนึ่งในผู้ที่ให้การเตือนถึงผลกระทบของก๊าซเรือนกระจกต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 1988

มหาสมุทรแอตแลนติกอาจถึง ‘จุดที่ไม่สามารถย้อนกลับ’ ภายใน 2-3 ทศวรรษ

ทีมนักวิจัยคาดการณ์ว่า น้ำจืดจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกจะไหลเข้าสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือมากขึ้น จนทำให้ AMOC อาจล่มสลายภายใน 20-30 ปีข้างหน้า

AMOC เป็นกระแสน้ำสำคัญที่ช่วยกระจายความร้อนและสารอาหารในมหาสมุทร หากมันหยุดทำงาน ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นหลายเมตร และนำไปสู่หายนะทางภูมิอากาศที่ไม่สามารถย้อนคืนได้

ความล้มเหลวของนโยบาย: โลกยังคง ‘ปล่อยก๊าซเรือนกระจกฟรี’

Hansen กล่าวว่า ปัญหาหลักคือ ของเสียจากเชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้บริษัทต่างๆ ไม่มีแรงจูงใจที่จะลดการปล่อยก๊าซ

งานวิจัยยังเตือนว่า ระบบประชาธิปไตยต้องได้รับการปฏิรูป เนื่องจากผลประโยชน์ของบริษัทเอกชนมีอิทธิพลเหนือกระบวนการตัดสินใจทางการเมือง

“ในประเทศประชาธิปไตย อำนาจควรอยู่ที่ประชาชน ไม่ใช่ที่คนที่มีเงิน”

—ศาสตราจารย์ James Hansen

บทสรุป: โลกกำลังเข้าสู่ยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

การศึกษาใหม่นี้เป็นสัญญาณเตือนสำคัญว่า มนุษยชาติกำลังเผชิญกับความจริงที่โหดร้าย เป้าหมายของข้อตกลงปารีสในการรักษาอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 1.5°C นั้นถูกทำลายไปแล้ว และตอนนี้ แม้แต่เป้าหมาย 2°C ก็ไม่มีความเป็นไปได้อีกต่อไป

คำถามที่ยังคงอยู่คือ รัฐบาลทั่วโลกจะตัดสินใจเปลี่ยนนโยบายให้แข็งแกร่งขึ้นหรือไม่? หรือว่าโลกจะปล่อยให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปในแบบที่ควบคุมไม่ได้?


แหล่งที่มา:

The Guardian
AFP
Environment: Science and Policy for Sustainable Development

Scroll to Top