THAI CLIMATE JUSTICE for All

แผ่นดินไหวจะเกิดบ่อยขึ้นจากภาวะโลกร้อน

เขียนโดย Marco Bohnhoff, Patricia Martínez‐Garzón, และ Yehuda Ben‐Zion
วันที่ 29 พฤษภาคม 2024
แปลและเรียบเรียงโดย ปิโยรส ปานยงค์
อ้างอิง More earthquakes due to global warming: GFZ

แผ่นดินไหวเกิดจากอะไร

ปรากฏการณ์แผ่นดินไหวเกิดจากการเคลื่อนตัวอย่างฉับพลันของชั้นหินใต้ผิวโลก การเคลื่อนตัวนี้ปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปของคลื่น Seismic ที่ก่อตัวขึ้นในระยะเวลานานจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกอย่างต่อเนื่อง กระบวนการสะสมพลังงานนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนชั้นหินไม่สามารถรับแรงคลื่นได้อีก ด้านตรงข้ามของรอยเลื่อนเปลือกโลกจึงเคลื่อนตัว ทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น กระบวนการนี้มีการเกิด หยุดไป และเกิดซ้ำอีก เรียกว่าวงจรแรงกระทำต่อรอยเลื่อนเปลือกโลกหรือวงจร Seismic ในบางภูมิภาคนั้น วงจรนี้อาจใช้เวลาเป็นปี หลายสิบปี หรือศตวรรษกว่าจะสิ้นสุดลง

อิทธิพลของภาวะโลกร้อนจากการกระทำของมนุษย์

ภาวะโลกร้อนจากการกระทำของมนุษย์ทำให้หิ้งน้ำแข็งแอนตาร์กติก้าและกรีนแลนด์ละลายเร็วขึ้น ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขั้น ในขณะที่อัตราเร็วของการละลายในปี 1901-1990 คือ 1.4 มิลลิเมตรต่อปี พอในช่วงปี 1970-2015 เพิ่มขึ้นเป็น 2.1 และช่วงปี 2006-2015 เพิ่มขึ้นอีกเป็น 3.6 มิลลิเมตรต่อปี ตามลำดับ จากรายงาน IPCC ฉบับปี 2023 ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.43-0.84 เมตรโดยเฉลี่ยภายในปี 2100 เมื่อเทียบกับระดับน้ำทะเลในปี 1986-2000 ถ้าหิ้งน้ำแข็งขั้วโลกละลายหมด ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นประมาณ 70 เมตร และแม้ว่าเราจะเริ่มลดก๊าซเรือนกระจกเสียตั้งแต่ตอนนี้ ปรากฏการณ์นี้ก็จะดำเนินต่อไปอย่างช้าๆอีกหลายศตวรรษ ในขณะที่ภัยพิบัติทางธรรมชาติก็จะเกิดบ่อยครั้งขึ้น

ความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้น

การละลายของหิ้งน้ำแข็งขั้วโลกและระดับน้ำทะเลส่งผลต่อความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวเนื่องจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นแม้เพียงเพียงเล็กน้อยก็ทำให้แรงดันต่อรอยเลื่อนใต้เปลือกโลกเพิ่มสูงขึ้นจากน้ำหนัก Hydrostatic load ทำให้เกิดวงจรแผ่นดินไหวใต้สมุทรทั่วทุกภูมิภาคของโลก นอกจากนี้ยังทำให้พื้นที่แนวชายฝั่งเปราะบางต่อผลที่ตามมาจากแผ่นดินไหวอันได้แก่แผ่นดินถล่ม คลื่นสึนามิ และตลิ่งพัง

ศาสตราจารย์ Marco Bohnhoff หัวหน้าทีมวิจัย GFZ ภาค 4.2 หรือ “Geomechanics and Scientific Drilling” ได้ให้ความเห็นไว้ว่า “การเปลี่ยนแปลงในระดับน้ำทะเลเพียงไม่กี่เดซิแมตรก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว ซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการกระทำของมนุษย์อย่างแผ่นดินไหวเล็กน้อยในขณะที่มีการจุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไปจนถึงแผ่นดินไหวที่เกิดจากระดับน้ำขึ้นน้ำลงตามธรรมชาติ”

พื้นที่เสี่ยงตามแนวชายฝั่งทั่วโลก

ความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวจากภาวะโลกร้อนเพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษสำหรับพื้นที่แนวชายฝั่งทะเลเนื่องจากรอยเลื่อนทวีปส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณนั้น เช่นเดียวกับที่เป็นที่อยู่อาศัยของประชากรโลกกว่าร้อยละ 40 ที่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองท่าขนดใหญ่ติดทะเล ยกตัวอย่างเช่นซานฟรานซิสโก ลอสแอนเจลีส อิสตันบูล โตเกียว และโยโกฮาม่า บางพื้นที่ก็ไม่มีประสบการณ์รับมือกับแผ่นดินไหวมาก่อนเนื่องจากวงจรการเกิดแผ่นดินไหวกินเวลายาวนานกว่าประวัติศาสตร์ของชุมชนนั้น

ศาสตราจารย์ Marco Bohnhoff อธิบายว่า “ปัญหาคือมีรอยเลื่อนที่อยู่ในช่วงปลายวงจรของการเกิดแผ่นดอินไหวเป็นจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วโลก และแรงดันที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวก่อนกำหนด” อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบว่ารอยเลื่อนทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ที่ใดบ้าง

ดร. Patricia Martínez-Garzón หัวหน้าทีมวิจัยที่ GFZ อีกท่านหนึ่งเสริมว่า “นอกจากนี้ แผ่นดินไหวยังทำให้เกิดภาวะดินถล่มและดินหลวมตามมา ดังนั้นเราจึงต้องเร่งหาทางแก้ปัญหาแผ่นดินไหวที่เกิดจากภาวะโลกร้อนด้วยการวางแผนที่ความเสี่ยงสำหรับทศวรรษต่อไป”

งานวิจัยขั้นต่อไป

ศาสตราจารย์ Yehuda Ben-Zion จากมหาวิทยาลัย Southern California แห่ง Los Angeles อธิบายว่า “ยิ่งพายุเกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นเท่าใด ความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มและสึนามิในระหว่างการเกิดแผ่นดินไหวก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย” และแนะนำวิธีการประเมินความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวจากระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงและสภาพอากาศที่รุนแรงไว้ว่าให้เฝ้าดูอัตราการละลายของหิ้งน้ำแข็งในกรีนแลนด์แต่ละชิ้นอย่างใกล้ชิดเพื่อทำนายความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวในแต่ละพื้นที่ของโลก ในภูมิภาคสแกนดิเนเวียนั้น การละลายของน้ำแข็งเกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลงและทำให้เกิดแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตามในเวลานั้นยังไม่มีชุมชนที่อาศัยของมนุษย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่เช่นในปัจจุบัน

ก้าวต่อไป : ลดก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังและป้องกัน

ข้อมูลจากงานวิจัยบ่งชี้ว่าความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวที่เกิดจากภาวะโลกร้อนจากการกระทำของมนุษย์กำลังเพิ่มสูงขึ้น ทำให้รายการความเสี่ยงของมนุษย์เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีทั้งอุทกภัย ภัยแล้ง คลื่นความร้อน และชายฝั่งถูกกัดเซาะ ดังนั้นการลดก๊าซเรือนกระจกและปรับปรุงระบบเฝ้าระวังภัยจึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วน “เราจะต้องรวมเอาผลจากภาวะโลกร้อนที่มีต่อความเสี่ยงแผ่นดินไหว ดินถล่ม และสึนามิเข้ามาพิจารณาเวลาทำแผนจัดการความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพื้นฐานในเมืองใหญ่ๆตามแนวชายฝั่ง” ศาสตราจารย์ Marco Bohnhoff ทิ้งท้าย

Scroll to Top