THAI CLIMATE JUSTICE for All

กฎหมายอนุรักษ์ธรรมชาติของไอซ์แลนด์ จากคลื่นระดับโลกสู่สำนึกแห่งสิทธิเพื่อธรรมชาติ

ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 โลกกำลังตื่นตัวต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม ปี 1970 เห็นการจัด Earth Day ครั้งแรก ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการจัดตั้งองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเช่น EPA ในสหรัฐฯ และมีผลสะท้อนสู่ยุโรปเหนือโดยเฉพาะในประเทศที่ธรรมชาติเป็นหัวใจของวิถีชีวิต เช่นไอซ์แลนด์ (Wired, 2011; History.com, 2020)

ภายใต้นั้น รัฐสภา Alþingi ของไอซ์แลนด์ผ่าน พระราชบัญญัติอนุรักษ์ธรรมชาติ (Nature Conservation Act No. 47/1971) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ให้ผืนดิน น้ำ และอากาศปลอดภัยจากการทำลายโดยไม่จำเป็น กฎหมายมีเป้าหมายให้ทุกภาคส่วนร่วมดูแลผ่านคณะอนุรักษ์ท้องถิ่นและเวทีร่วมพูดคุยระดับชาติ (Nature Conservation Convention) เป็นเครื่องมือที่นำไปสู่การจัดการทรัพยากรอย่างมีส่วนร่วม (FAOLEX, 1971)

ตัวอย่างที่มีชีวิต Þingvellir และ Mývatn–Laxá

ในกรณี Þingvellir ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไอซ์แลนด์ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และธรณีวิทยา ถูกกำหนดให้เป็น “ทรัพย์สินของชาติ” ตามกฎหมายตั้งแต่ปี 1928 ก่อนจะมาเสริมด้วยบทบัญญัติของกฎหมายฉบับปี 1971 อีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Mývatn–Laxá ที่สะท้อนการนำแนวคิดกฎหมายไปใช้ในทางปฏิบัติ เพื่อปกป้องระบบนิเวศน้ำจืดของชุมชน

สิทธิของธรรมชาติ มิติใหม่ของการยอมรับความเป็น “บุคคล”

แนวคิด “Rights of Nature” หรือสิทธิของธรรมชาติ ได้กลายเป็นกระแสร่วมสมัยที่ท้าทายกรอบกฎหมายเดิมที่มองธรรมชาติเป็นเพียงทรัพยากร ตัวอย่างสำคัญคือเอกวาดอร์ที่รับรองสิทธิของธรรมชาติในรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2008 (“Pachamama has the right to exist…”) ซึ่งถือเป็นแบบอย่างสากลในการกำหนดให้สิ่งแวดล้อมมีสถานะทางกฎหมาย โดยมอบสิทธิให้ธรรมชาติ “ดำรงอยู่ เติบโต ฟื้นฟู” และเรียกให้ผู้คนสามารถฟ้องดำเนินคดีในนามของธรรมชาติได้

ที่ไอซ์แลนด์เอง เคยมีแคมเปญผุดขึ้นเพื่อเสนอให้ธารน้ำแข็ง Snæfellsjökull ได้รับเลือกเป็น “ประธานาธิบดี” ทั้งนี้เป็นสัญลักษณ์การเปิดใจรับแนวคิดเรื่องสิทธิของธรรมชาติ แม้จะดูแปลกแต่ก็สะท้อนความตั้งใจที่จะให้ธรรมชาติ “มีตัวตน” ในเวทีสาธารณะ (Columbia Climate School, 2024)

มุมมองเชิงปรัชญา: จาก natural rights สู่ ecocentric jurisprudence

แนวคิดเรื่อง Natural Rights ซึ่งยอมรับว่าสิทธิฝังอยู่ในธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต เป็นรากฐานของสิทธิมนุษยชน—ที่สิทธิเหล่านี้ “ไม่ขึ้นกับรัฐหรือวัฒนธรรมใด” (Wikipedia, 2025)—และขยายไปสู่แนวคิดว่า “ธรรมชาติก็มีสิทธิในตัวเอง” (Wikipedia, 2025; Financial Times, 2024)

นักกฎหมายเช่น Cormac Cullinan เสนอแนวทาง Earth Jurisprudence และ wild law ว่ากฎหมายควรเป็นโครงสร้างที่ไม่เอารัดเอาเปรียบธรรมชาติ แต่เป็นการดูแลรักษาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และโลกอย่างเท่าเทียม (The Times, 2023)

กรณีศึกษาเช่นแม่น้ำ Whanganui ในนิวซีแลนด์ ซึ่งได้รับสถานะเป็น “บุคคลทางกฎหมาย” และมียักษ์ใหญ่ทางวัฒนธรรม (iwi) เช่น Māori เป็นผู้ปกป้อง ทำให้การปกป้องวิถีวัฒนธรรมและธรรมชาติวนกลับมาพิจารณาในฐานะสิทธิที่แยกจากสิทธิมนุษย์ (Wikipedia, 2025)

บทวิเคราะห์เชื่อมโยง ไอซ์แลนด์ อาร์กติก สิทธิธรรมชาติ

พระราชบัญญัติ 1971 ของไอซ์แลนด์ แม้สมัยนั้นไม่ได้ระบุสิทธิของธรรมชาติอย่างชัดเจน แต่ปรัชญาของกฎหมายคือการรักษาความสมดุลและกระบวนการธรรมชาติ สิ่งที่มีร่วมกับแนวคิด Rights of Nature และ Earth Jurisprudence ที่เกิดขึ้นภายหลัง

ในภูมิภาคอาร์กติก แนวคิด “การมีส่วนร่วมของผู้มีความสัมพันธ์ลึกกับธรรมชาติ” (เช่นชนพื้นเมือง Sámi หรือผู้ดูแลชีวิตในพื้นที่ชายฝั่ง) สอดคล้องกับแนวคิดว่าธรรมชาติควรมี “ตัวแทน” หรือ guardian เช่นกรณี Whanganui ขณะนี้ ไอซ์แลนด์ยังไม่ได้ก้าวไปถึงจุดนั้น แต่แนวคิด Snæfellsjökull for President กำลังสะท้อนความสนใจสำคัญต่อสิทธิของธรรมชาติ

ข้อเสนอให้ก้าวสู่อนาคต

หากไอซ์แลนด์ปรับกฎหมายให้รวมสิทธิของธรรมชาติในรัฐธรรมนูญ เช่นการรับรองสิทธิในการมีสภาพแวดล้อมที่ดี, อากาศ น้ำ ดิน ปลอดมลพิษ จะเป็นการขยับสู่แนวคิดทางกฎหมายใหม่ที่ผสมผสานระหว่าง natural rights, environmental rights, และ rights of nature อย่างแท้จริง


อ้างอิง

Wired. (2011). April 22, 1970: The First Earth Day. สืบค้นจาก https://www.wired.com/2011/04/0421first-earth-day

History.com. (2020). The First Earth Day. สืบค้นจาก https://www.history.com/this…/april-22/the-first-earth-day

FAOLEX. (1971). Nature Conservation Act No. 47/1971 (Iceland). สืบค้นจาก https://faolex.fao.org/docs/pdf/ice40719.pdf

Columbia Climate School. (2024). Icelandic Glacier Runs for President, Sparking Rights of Nature Movement. สืบค้นจาก https://news.climate.columbia.edu/…/icelandic-glacier…

Arctic Council. (2023). The Importance of the Arctic Council for Indigenous Peoples. สืบค้นจาก https://arctic-council.org/…/the-importance-of-the…

Cambridge University Press. (2010). Incorporation of Traditional Ecological Knowledge in the Arctic Council. Polar Record. สืบค้นจาก https://www.cambridge.org/…/AF5DF7D01CCEA44CCA49CB85DCA…

Financial Times. (2024). Why our planet (and not just its people) should have legal rights. สืบค้นจาก https://www.ft.com/…/9fb7e995-eba8-43ae-ab95-f85cfda0d126

The Times. (2023). Cormac Cullinan: ‘We need to align our laws with the laws of nature’. สืบค้นจาก https://www.thetimes.co.uk/…/cormac-cullinan-we-need-to…

The Guardian. (2025). ‘If the reef had a voice, it would sing’: could legal personhood help the Great Barrier Reef?. สืบค้นจาก https://www.theguardian.com/…/great-barrier-reef-legal…

Wikipedia. (2025). Natural rights and legal rights. สืบค้นจาก https://en.wikipedia.org/…/Natural_rights_and_legal_rights

Wikipedia. (2025). Rights of nature. สืบค้นจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Rights_of_nature

Wikipedia. (2025). Environmental personhood. สืบค้นจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Environmental_personhood

Scroll to Top