
Biodiversity Credit หรือ เครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นจากการพยายามอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพผ่านกลไกทางการเงิน โดยแนวคิดนี้มีรากฐานมาจากความพยายามในการใช้ตลาดเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คล้ายคลึงกับการพัฒนากลไกคาร์บอนเครดิต (carbon credit) ที่ใช้ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
Biodiversity Credit เกิดขึ้นเนื่องจากความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นว่าความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า แต่ขาดแคลน และจำเป็นต้องมีการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการเพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพมักต้องใช้ทรัพยากรทางการเงินจำนวนมาก ดังนั้นแนวคิดเรื่องเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพจึงเกิดขึ้นเพื่อสร้างแรงจูงใจทางการเงินให้กับผู้ที่มีบทบาทในการรักษาพื้นที่ธรรมชาติและฟื้นฟูระบบนิเวศ
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับ Biodiversity Credit
1. มูลค่าทางการเงินของธรรมชาติ: การนำความหลากหลายทางชีวภาพมาแปลงเป็นเครดิตที่สามารถซื้อขายได้ในตลาดทำให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับการกำหนดมูลค่าทางการเงินให้กับทรัพยากรธรรมชาติ บางฝ่ายมองว่านี่เป็นการลดคุณค่าของธรรมชาติให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถวัดได้ทางเศรษฐกิจเท่านั้น ซึ่งอาจไม่สะท้อนถึงคุณค่าที่แท้จริงและหลากหลายของธรรมชาติ
2. การทดแทนและความยุติธรรม: มีความกังวลว่าการซื้อขายเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพอาจนำไปสู่การทำลายธรรมชาติในพื้นที่หนึ่งโดยอ้างว่ามีการชดเชยความสูญเสียในพื้นที่อื่น ซึ่งอาจทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพเสื่อมโทรมในบางพื้นที่ที่สำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับความยุติธรรมระหว่างประเทศและชุมชนท้องถิ่นที่อาจไม่ได้รับประโยชน์จากการซื้อขายเครดิตนี้อย่างแท้จริง
3. ความซับซ้อนในการวัดผล: การประเมินและวัดผลความหลากหลายทางชีวภาพเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและยากที่จะสรุปได้ในตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเดียว การคำนวณและตรวจสอบว่าการซื้อขายเครดิตนี้จะมีผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพในระยะยาวอย่างไรนั้นต้องใช้วิธีการที่แม่นยำและโปร่งใส ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย
สถานะทางนโยบายในระดับสากล
ในระดับสากล แนวคิดเรื่อง Biodiversity Credit ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในระดับนโยบายเหมือนกับคาร์บอนเครดิต อย่างไรก็ตาม มีการเริ่มต้นพัฒนาแนวทางและกรอบการดำเนินงานในบางพื้นที่และองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
1. อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (CBD): ภายใต้อนุสัญญานี้ มีการสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกพิจารณาใช้กลไกทางการเงินที่หลากหลาย รวมถึงแนวคิดเกี่ยวกับ Biodiversity Credit เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
2. สหประชาชาติ (UN): สหประชาชาติมีการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเครื่องมือทางการเงินใหม่ ๆ ที่สามารถสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายที่ 15 เกี่ยวกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศบนบก
3. สหภาพยุโรป (EU): สหภาพยุโรปกำลังพิจารณาวิธีการต่าง ๆ ในการรวมการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพเข้ากับนโยบายทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการใช้กลไกเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการดำเนินการที่เป็นระบบในระดับกฎหมายของสหภาพยุโรป
กลุ่มและประเทศที่คัดค้าน Biodiversity Credit
1. กลุ่มชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น หลายกลุ่มชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นในแถบละตินอเมริกาและแอฟริกาคัดค้านนโยบาย Biodiversity Credit เนื่องจากพวกเขามองว่าการแปลงทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพเป็นสินค้าในการซื้อขายอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิของพวกเขา กลุ่มเหล่านี้เกรงว่าจะสูญเสียสิทธิในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่มาเป็นเวลานาน
2. บางประเทศในกลุ่ม Global South ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายนี้ โดยเฉพาะเรื่องความไม่เท่าเทียมในการแบ่งปันผลประโยชน์ พวกเขาเกรงว่าประเทศพัฒนาแล้วจะใช้กลไกนี้เป็นข้ออ้างในการทำลายทรัพยากรธรรมชาติในประเทศตนเอง แล้วชดเชยด้วยการซื้อเครดิตจากประเทศที่ยากจนกว่า ซึ่งอาจส่งผลให้ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศที่พัฒนาแล้วยังคงถูกทำลายต่อไป
3. องค์กรเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม (NGOs) เช่น Friends of the Earth และ Global Witness คัดค้านแนวคิดนี้โดยมองว่าการซื้อขายเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพได้อย่างแท้จริง พวกเขามองว่าการมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนในพื้นที่ท้องถิ่นเป็นวิธีที่ดีกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่า
การดำเนินการในประเทศและพื้นที่ต่าง ๆ
1. ออสเตรเลีย ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่ดำเนินการนำเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพมาใช้ผ่านโครงการ “BioBanking” ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ (New South Wales) ซึ่งอนุญาตให้เจ้าของที่ดินสามารถรับเครดิตจากการอนุรักษ์หรือฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในที่ดินของตน และสามารถขายเครดิตเหล่านี้ให้กับนักพัฒนาโครงการที่จำเป็นต้องชดเชยการทำลายสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อื่น
2. สหรัฐอเมริกา สหรัฐฯ มีการใช้กลไกที่คล้ายกันในรูปแบบของ “conservation banking” ซึ่งเป็นการสร้างธนาคารเพื่อการอนุรักษ์ที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ที่ดินเหล่านี้จะถูกจัดการเพื่อรักษาหรือฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ เจ้าของธนาคารสามารถขายเครดิตที่เกิดจากการอนุรักษ์ให้กับผู้พัฒนาโครงการที่จำเป็นต้องชดเชยการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพจากการก่อสร้างหรือกิจกรรมอื่น ๆ
3. โคลอมเบีย: ในประเทศโคลอมเบีย มีโครงการที่คล้ายคลึงกันซึ่งเรียกว่า “Biodiversity Offsets” โดยมีการกำหนดให้โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ เช่น การทำเหมือง ต้องชดเชยผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพโดยการลงทุนในโครงการอนุรักษ์ในพื้นที่อื่นที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ
อ้างอิง
Miller, K. (2011). Biodiversity conservation and the extinction of experience. Trends in Ecology & Evolution, 26(2), 93-94. doi:10.1016/j.tree.2010.11.005
Bull, J. W., & Strange, N. (2018). The global extent of biodiversity offset implementation under no net loss policies. Nature Sustainability, 1(12), 790-798. doi: