THAI CLIMATE JUSTICE for All

A Polycentric Approach for Coping with Climate Change

บทความของ Elinor Ostrom เรื่อง “A Polycentric Approach for Coping with Climate Change” นำเสนอแนวคิดที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับวิธีการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านแนวทางที่ไม่เน้นการตัดสินใจจากศูนย์กลาง (centralized) แต่เน้นการมีหลายศูนย์กลางในการตัดสินใจ (polycentric governance) ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้:

1. ข้อจำกัดของการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์

Ostrom อธิบายว่าการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในแบบรวมศูนย์นั้นมักมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ความล่าช้าในการดำเนินนโยบาย การขาดการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและบริบทท้องถิ่น และความยากลำบากในการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีความหลากหลายทางสังคมและวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังมีปัญหาในการกระจายทรัพยากรและเทคโนโลยีอย่างทั่วถึง การตัดสินใจแบบรวมศูนย์อาจไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. การสร้างความยืดหยุ่นในการจัดการ

Ostrom เสนอว่าการมีหลายศูนย์ในการตัดสินใจจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งหมายความว่าแต่ละพื้นที่หรือชุมชนสามารถพัฒนาวิธีการที่เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการเฉพาะของตนเอง การมีอิสระในการตัดสินใจในแต่ละระดับนี้ช่วยให้การดำเนินงานมีความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

3. การสร้างแรงจูงใจและความรับผิดชอบร่วมกัน

แนวทางการจัดการแบบหลายศูนย์นี้ยังส่งเสริมให้เกิดแรงจูงใจในการดำเนินการและความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระดับต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ท้องถิ่น ชุมชน หรือภาคเอกชน การแบ่งปันทรัพยากรและการร่วมมือกันในหลายระดับจะช่วยสร้างความรู้สึกว่าทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และเป็นเจ้าของปัญหาและแนวทางแก้ไข

4. การเรียนรู้และการปรับตัว

Ostrom ยังเน้นถึงความสำคัญของการเรียนรู้และการปรับตัวที่เกิดขึ้นภายใต้การจัดการแบบหลายศูนย์ แต่ละศูนย์สามารถทดลองใช้วิธีการและนโยบายที่แตกต่างกัน แล้วเรียนรู้จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างศูนย์ต่าง ๆ จะช่วยให้เกิดการปรับตัวและพัฒนานโยบายอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. การลดความเสี่ยงในการบริหารจัดการ

การกระจายการตัดสินใจไปยังหลายศูนย์ยังช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการพึ่งพาการตัดสินใจจากศูนย์กลางเพียงแห่งเดียว หากศูนย์หนึ่งล้มเหลวในการบริหารจัดการปัญหา ศูนย์อื่น ๆ ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ ทำให้ระบบโดยรวมมีความมั่นคงและมีความยืดหยุ่นต่อปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

6. ความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมจากภาคประชาสังคม

Ostrom ชี้ให้เห็นว่าแนวทางการจัดการแบบหลายศูนย์สามารถสร้างความยั่งยืนในระยะยาวได้ดีกว่า เนื่องจากประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและรับผิดชอบต่อการดำเนินการ ความเป็นเจ้าของนี้จะทำให้เกิดการดูแลและรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

7. ตัวอย่างจากความสำเร็จในพื้นที่ต่าง ๆ

Ostrom ได้ยกตัวอย่างจากการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น การจัดการป่าไม้ในเนปาล และการบริหารจัดการแหล่งน้ำในหลายภูมิภาค ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการจัดการแบบหลายศูนย์สามารถประสบความสำเร็จได้หากมีการสร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

บทความของ Ostrom สรุปว่า แนวทางการจัดการแบบหลายศูนย์เป็นวิธีที่มีศักยภาพสูงในการจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากสามารถตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของแต่ละพื้นที่ สร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนในระยะยาว

Scroll to Top