
เป็นการศึกษาเชิงวิพากษ์ถึงผลกระทบจากอาณานิคมที่ยังคงมีอยู่ในสังคม การเมือง วัฒนธรรม และเศรษฐกิจทั่วโลก
แนวคิดนี้สามารถนำมาใช้ในการศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ในหลายแง่มุม โดยเน้นการวิพากษ์ความไม่เท่าเทียมและความไม่เป็นธรรมที่สืบเนื่องจากประวัติศาสตร์อาณานิคม
1. ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
แนวคิดหลังอาณานิคมชี้ให้เห็นว่า ประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้ว ซึ่งเคยเป็นจักรวรรดิ์อาณานิคม ได้ประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและแรงงานราคาถูกจากประเทศอาณานิคม ซึ่งส่งผลให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด
ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนา (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตอาณานิคม) กลับเป็นผู้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นธรรม
2. การครอบงำทางวาทกรรมและการตัดสินใจ
แนวคิดหลังอาณานิคมเน้นถึงการครอบงำทางวาทกรรมโดยประเทศที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองในการกำหนดนโยบายและกรอบความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมักไม่ได้คำนึงถึงเสียงและความต้องการของประเทศกำลังพัฒนา หรือชนพื้นเมือง ทำให้การแก้ปัญหาไม่ครอบคลุมและไม่ตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
3. ความไม่เท่าเทียมในกระบวนการปรับตัวและการฟื้นฟู แนวคิดหลังอาณานิคมวิพากษ์การจัดสรรทรัพยากรและการช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่ามักไม่เท่าเทียมกัน ประเทศกำลังพัฒนาและชุมชนเปราะบางมักไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเพียงพอในการปรับตัวและฟื้นฟูจากภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง และการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ซึ่งเป็นผลจากความไม่เท่าเทียมในอดีต
4. การต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน แนวคิดหลังอาณานิคมยังเน้นถึงการต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และการต่อสู้กับโครงการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งมักถูกกำหนดโดยรัฐบาลหรือบริษัทข้ามชาติที่มีอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น
5. การเรียกร้องความเป็นธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ
แนวคิดหลังอาณานิคมสนับสนุนการเรียกร้องความเป็นธรรมด้านสภาพภูมิอากาศที่รวมถึงการรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การยอมรับสิทธิของประเทศกำลังพัฒนาในการเข้าถึงทรัพยากรและเทคโนโลยีสะอาด และการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นในการตัดสินใจด้านนโยบาย
แนวคิดหลังอาณานิคมเมื่อศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะชี้ให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมที่เกิดจากประวัติศาสตร์อาณานิคมและการครอบงำทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ยังคงมีอยู่ และเน้นการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยพิจารณาถึงประวัติศาสตร์ การกระจายทรัพยากร และการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
กลุ่มนักคิดและนักวิชาการหลังอาณานิคมศึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่น่าสนใจ เช่น
1. Dipesh Chakrabarty นักวิชาการที่โดดเด่นในเรื่อง “Climate of History in a Planetary Age” ซึ่งกล่าวถึงวิธีที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อการเมืองและสังคมหลังอาณานิคม
2. Rob Nixon ผู้เขียนหนังสือ “Slow Violence and the Environmentalism of the Poor” ที่กล่าวถึงความรุนแรงเชิงสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อกลุ่มเปราะบางและการเชื่อมโยงกับแนวคิดหลังอาณานิคม
3. Anil Agarwal and Sunita Narain นักวิจัยชาวอินเดียที่ได้ตีพิมพ์รายงานเกี่ยวกับ “Global Warming in an Unequal World” ซึ่งเป็นบทความที่วิจารณ์การแบ่งปันภาระและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา
4. Amitav Ghosh ในหนังสือ “The Great Derangement” ที่วิพากษ์วิจารณ์การมองข้ามปัญหาสภาพภูมิอากาศและความไม่เป็นธรรมที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์อาณานิคม