การประชุมสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (COP29) จัดขึ้นที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ในปีนี้เป็นเวทีที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งเรื่องเทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) โดยมีผู้ล็อบบี้ในอุตสาหกรรมนี้มากถึง 480 คนได้รับสิทธิ์เข้าร่วม นับเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา แม้ว่าจำนวนผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะลดลงจากประมาณ 85,000 คนเหลือเพียง 70,000 คนก็ตาม
การมีบทบาทของล็อบบี้ CCS
ผู้ล็อบบี้ CCS เกือบครึ่งหนึ่งได้รับสิทธิ์เข้าร่วมในฐานะสมาชิกของคณะผู้แทนระดับชาติ ซึ่งรวมถึง 55 คนที่ได้รับเชิญจากรัฐบาลอาเซอร์ไบจาน เจ้าภาพจัดการประชุม โดยพวกเขาได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงการเจรจาระดับสำคัญ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเทคโนโลยี CCS ได้รับการสนับสนุนอย่างไม่เหมาะสมในฐานะ “ทางออกปลอม” สำหรับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
ผู้สนับสนุน CCS มองว่าเทคโนโลยีนี้เป็นตัวช่วยสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเคมีและปูนซีเมนต์ อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์แย้งว่ามันเป็นเครื่องมือที่อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลใช้เพื่อรักษาธุรกิจหลักของตนและชะลอการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างแท้จริง
ความขัดแย้งในวงการวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม
เทคโนโลยี CCS ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สามารถใช้งานได้ในระดับใหญ่และยังมีความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ของโครงการ CCS ที่มีอยู่ถูกนำไปใช้ในกระบวนการเพิ่มผลผลิตน้ำมัน (Enhanced Oil Recovery) ซึ่งช่วยขยายการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แทนที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
องค์กร Institute for Energy Economics and Financial Analysis พบว่าโครงการ CCS ที่ล้มเหลวมีจำนวนมากกว่าโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน และยังชี้ว่า CCS ไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนกับโซลูชันพลังงานหมุนเวียนได้
ทิศทางของการประชุม
ผู้เจรจาใน COP29 ได้อนุมัติกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับตลาดคาร์บอนในวันแรกของการประชุม โดยกฎดังกล่าวอาจเปิดทางให้ CCS มีบทบาทสำคัญในระบบตลาดคาร์บอนในอนาคต ซึ่งเป็นประเด็นที่นักสิ่งแวดล้อมกังวลว่าการสนับสนุนเทคโนโลยีนี้จะดึงเงินทุนและเวลาไปจากโซลูชันที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
เรเชล เคนเนอร์ลีย์ นักรณรงค์จาก Center for International Environmental Law กล่าวว่า “การปรากฏตัวของล็อบบี้ CCS ในจำนวนมากเช่นนี้สะท้อนถึงความพยายามของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลในการล็อบบี้และดึงเวลาออกไปจากการเปลี่ยนผ่านพลังงาน”
ในขณะเดียวกัน โอลิเวีย โพวิส ซีอีโอของ Carbon Capture & Storage Association ยืนยันว่า CCS มีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้โลกสามารถจำกัดภาวะโลกร้อนไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียสตามข้อตกลงปารีส
บทสรุป
COP29 เป็นเวทีที่สะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างผู้ที่มอง CCS เป็นทางออกสำหรับปัญหาสภาพภูมิอากาศและผู้ที่เห็นว่าเทคโนโลยีนี้เป็นเพียงเครื่องมือทางธุรกิจของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล ในขณะที่โลกกำลังเร่งหาทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วน การตัดสินใจเลือกแนวทางที่เหมาะสมจะมีผลกระทบต่ออนาคตของมนุษยชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างลึกซึ้ง
Credit : Almost 500 carbon capture lobbyists granted access to Cop29 climate summit