THAI CLIMATE JUSTICE for All

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมีเทนภาคพลังงาน

เผยแพร่โดย IEA Global
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2022
แปลและเรียบเรียงโดย ปิโยรส ปานยงค์
ภาพประกอบโดย IEA Global
อ้างอิง Methane emissions from the energy sector are 70% higher than official figures

นับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นต้นมา มีเทนมีส่วนที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นประมาณ 30% การลดก๊าซมีเทนจึงเป็นวิธีที่ทันการณ์และยั่งยืนที่สุดในการแก้ปัญหาโลกร้อนและปรับปรุงคุณภาพอากาศ มีเทนสลายตัวเร็วกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ก็จริงแต่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกที่รุนแรงกว่ามากในช่วงชีวิตสั้นๆ ของมัน ซึ่งหมายความว่าถ้าเราลดปริมาณการปล่อยมีเทนลงได้ก็จะเกิดผลดีต่อสภาพภูมิอากาศโลกอย่างทันตาเห็น

ภาคพลังงานปล่อยก๊าซมีเทนประมาณ 40% จากกิจกรรมของมนุษย์ ปีนี้รายงาน Global Methane Tracker ของ IEA ได้เพิ่มข้อมูลใหม่ที่ระบุการปล่อยก๊าซจากเหมืองถ่านหินและพลังงานชีวภาพแยกตามประเทศ นอกเหนือจากข้อมูลเดิมเกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แม้ว่าปีที่แล้วการปล่อยก๊าซมีเทนจากภาคพลังงานจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% แต่ก็ยังไม่กลับไปเท่าระดับในปี 2019 และเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการใช้พลังงานโดยรวม ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่าความพยายามลดการปล่อยก๊าซเริ่มได้ผลบ้างแล้ว

“เมื่อคำนึงถึงราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงนิ้ เราอาจใช้โอกาสนี้ลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากการใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติไปด้วยอย่างมิต้องเสียต้นทุนใดๆ ” Fatih Birol ผู้บริหารของ IEA กล่าว

“The International Energy Agency เป็นผู้นำด้านการรณรงค์เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนมาอย่างยาวนาน ปัจจัยสำคัญได้แก่ความโปร่งใสในการระบุสถานที่ปล่อยและปริมาณที่จะต้องลด ดังนั้น การที่ Global Methane Tracker รายงานปริมาณที่ต่ำกว่าความเป็นจริงนั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง”

ในปีที่ผ่านมา รายงานยืนยันว่าแหล่งปล่อยก๊าซมีเทนปริมาณสูงอยู่ในรัฐเทกซัสและเอเชียกลาง โดยปริมาณก๊าซจากเติร์กเมนิสถานประเทศเดียวคิดเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในสามของปริมาณทั้งหมดที่ดาวเทียมตรวจจับได้ในปี 2021 และพบการปล่อยก๊าซปริมาณเล็กน้อยจากการผลิตน้ำมันและก๊าซในตะวันออกกลาง

เทคโนโลยีดาวเทียมช่วยให้โลกรับรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแหล่งปล่อยก๊าซมีเทน และระบบ Global Methane Tracker ของ EIA ก็ได้รวบรวมเอาข้อมูลจากดาวเทียมเหล่านี้มาวิเคราะห์ ในขณะที่การเก็บข้อมูลได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทว่าการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านั้นยังล้าหลังอยู่มาก โดยขาดการประเมินในเขตเส้นศูนย์สูตร กิจกรรมขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล หรือในทะเลเหนือที่เป็นแหล่งน้ำมันของรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนในการวัดระดับก๊าซมีเทนก็มิได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซได้ เราสามารถใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันและนโยบายแบบลองผิดลองถูกเพื่อลดก๊าซได้อย่างมีประสิทธิภาพ Global Methane Tracker ที่มีระบบสำรวจตรวจสอบนโยบายที่ออกแบบไว้สามารถจำลองตัวอย่างผลลัพธ์ได้ว่านโยบายดังกล่าวจะได้ผลดีที่สุดเมื่อดำเนินการด้วยวิธีใดและในพื้นที่ใดของโลก ถ้าเราสามารถจับมีเทนที่ปล่อยจากการผลิตพลังงานฟอสซิลในปี 2021 ได้ทั้งหมดและนำมาจำหน่าย ตลาดก๊าซธรรมชาติก็คงจะได้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นอีกถึง 1.8 แสนล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเทียบเท่าปริมาณก๊าซที่ยุโรปต้องการใช้ตลอดทั้งปี

ปริมาณก๊าซมีเทนที่ปล่อยจากการใช้พลังงานฟอสซิลนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยประเทศที่อยู่อันดับบนสุดและล่างสุดนั้นมีปริมาณการปล่อยก๊าซที่ต่างกันมากเป็นร้อยเท่า ปริมาณก๊าซมีเทนในบรรยากาศโลกอาจจะลดลงได้ถึง 90% ถ้าทุกประเทศลดระดับการปล่อยก๊าซมีเทนลงให้เทียบเท่ากับประเทศที่มีการปล่อยก๊าซต่ำที่สุดได้แก่นอร์เวย์

คำมั่นสัญญาที่จะลดก๊าซมีเทนที่ประกาศโดย 110 ประเทศ นำโดยสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ณ การประชุม COP26 ในเดือนพฤศจิกายนที่กรุงกลาสโกวนั้นเป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยตั้งเป้าหมายลดก๊าซมีเทนจากกิจกรรมของมนุษย์ลง 30% ภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม ประเทศปล่อยก๊าซรายใหญ่ที่เหลือได้แก่จีน รัสเซีย อิหร่าน และอินเดียจะต้องเข้าร่วมด้วย การลดก๊าซจึงจะประสบความสำเร็จ

“คำมั่นสัญญาที่จะลดก๊าซมีเทนจะต้องเป็นหลักสำคัญที่ทำให้ทุกประเทศหันมาลดก๊าซอย่างจริงจัง” Dr Birol กล่าว “การลดก๊าซมีเทนจากกิจกรรมของมนุษย์ลง 30% ภายในสิ้นทศวรรษนี้จะเกิดผลลัพธ์ต่อภาวะโลกร้อนเช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงระบบขนส่งให้เป็น net zero ทั้งหมดภายในปี 2050”

ระบบ Global Methane Tracker ของ EIA แสดงให้เห็นว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ลดลงในช่วงต้นของการระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้เราต้องใช้มาตรการที่เร่งด่วน เข้มแข็ง และโปร่งใส

นาย Frans Timmermans รองประธานคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรปกล่าวไว้ว่า “มีเทนเป็นก๊าซที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกที่รุนแรงเป็นอันดับสองรองจากคาร์บอนไดออกไซด์ การลดก๊าซมีเทนโดยทันทีจึงเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง จากที่เราได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะลดก๊าซมีเทนไว้ เราต้องการข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซที่เที่ยงตรงตามความเป็นจริงเพื่อระบุระดับความเร่งด่วนของการลดก๊าซในแต่ละพื้นที่ และรายงานของ IEA จะต้องเน้นให้เห็นถึงความสำคัญนี้”

นาย John Kerry ผู้แทนพิเศษว่าด้วยประเด็นสภาพภูมิอากาศแห่งสหรัฐอเมริกากล่าวว่า “การลดก๊าซมีเทนเป็นหนทางที่เร็วที่สุดที่จะบรรเทาปัญหาโลกร้อน และการลดการรั่วทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ในระบบขนส่งน้ำมันและก๊าซเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการลดก๊าซมีเทน รายงาน IEA ฉบับใหม่ได้รวมเอาข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับโอกาสในการลดก๊าซนี้และเรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ปรับปรุงข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซของตนให้มีความถูกต้องแม่นยำขึ้น และร่วมมือกันลดปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนลง 30% ภายในปี 2030 ภายใต้คำมั่นสัญญาที่จะลดก๊าซมีเทนของสหประชาชาติ”

และนาย Jonathan Wilkinson รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติแหล่งแคนาดากล่าวว่า “ในแคนาดานั้น การต่อสู้กับภาวะโลกร้อนก็คือการต่อสู้กับการปล่อยก๊าซมีเทน แคนาดาได้ตั้งเป้าหมายลดก๊าซมีเทนลง 75% หรือต่ำกว่าระดับการปล่อยในปี 2012 ภายในปี 2030 โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือให้บรรลุผล ทำให้เราเป็นประเทศแรกที่ตอบสนองคำร้องขอความร่วมมือจาก IEA เรากำลังทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่น กลุ่มชาติพันธุ์ ภาคอุตสาหกรรม และแรงงานเพื่อร่วมมือผลักดันวาระการลดก๊าซมีเทนให้สัมฤทธิ์ผล”

Scroll to Top