
ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมาผมได้จัดห้องเรียนทางปรัชญาเล็ก ๆ ให้กับน้อง ๆ LDI/TCJA และน้อง ๆ NGO ตลอดจนคนรุ่นใหม่ที่สนใจแนวคิด ทฤษฎี การวิเคราะห์นิเวศวิทยาในแบบต่าง ๆ ตั้งแต่นิเวศวัฒนธรรม สู่นิเวศวิทยาการเมือง นโยบายสาธารณะ ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเรียนกันในที่สำนักงานมูลนิธ้พร้อมกับทางออนไลน์
วิธีการเรียน จะให้คนเข้าเรียนได้เตรียมตัวอ่านเอกสารหรือ presentation ของวิทยากรล่วงหน้ามาก่อนเพื่อเตรียมมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
โดยผมได้นำคุยเองในตอนเริ่มต้น และชวนวิทยากรที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาให้ความรู้แลกเปลี่ยนกับน้อง ๆ และอย่างรุ่มลึกและกว้างขวาง
จากประเด็นเชิงแนวคิด จากนิเวศวัฒนธรรม สู่ Post human anthropology ไปถึงประเด็นสาธารณะสำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม นโยบายพลังงาน ทุนนิยมอาหาร และอื่น ๆ
จุดเริ่มต้นมาจากอยากจะเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้น้อง ที่ลำพังการทำงานตามภารกิจองค์กรไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวางลึกซึ้ง และเพื่อให้น้องที่มีความตั้งใจอยากจะไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอกจะได้มีพื้นฐานที่แข็งแรง และเป็นการเรียนที่มีคุณภาพไม่แพ้การเรียนจากสถาบันวิชาการ
ผมเอาความประทับใจจากที่ตัวเองได้เรียนปริญญาโททางมานุษยวิทยา และปริญญาเอกทางรัฐศาสตร์กับอาจารย์ที่มีคุณภาพของประเทศ ทำให้ผมเองได้เปิดโลกทัศน์มีมุมมองความคิดที่ลุ่มลึก ไม่เพียงแต่เข้าใจโลกภายนอก ยังเข้าใจ รู้เท่าทันความเชื่อ มายาคติ และความไม่รู้ของตนเองอีกมาก
ในโลกของการเคลื่อนไหวทางสังคมเราต้องมีความชัดเจนในเป้าหมาย ข้อเสนอแนะแนวทางผลักดัน
แต่ในโลกทางปรัชญา เราต้องมีอิสระให้ได้มากที่สุดต่อกรอบแนวคิด ความเชื่อ หรืออุดมการณ์ต่าง ๆ มีคำถามต่อชุดความเชื่อความคิดทฤษฎีต่าง ๆ เพื่อให้เห็นวิถีแห่งวัฒนธรรมและอำนาจต่าง ๆ ที่กำหนดความเป็นไปของสังคม และเห็นความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงการเมืองและวัฒนธรรมด้วยกระบวนการทางปัญญา
มาวันนี้ครบรอบ 1 ปีของหลักสูตรเรียนรู้ ผมได้จัดเสวนาสรุปแนวคิดและสังเคราะห์การเรียนรู้ทั้งหมดในรอบปี และชวนคนเข้าร่วมและแลกเปลี่ยนกันอย่างหลากหลาย
นับเป็นความภาคภูมิใจที่สุดที่วันนี้มีคนมาร่วมเรียนคึกคักและเห็นพลังการเรียนรู้ที่เริ่มงอกงามขึ้น
ในปี 68 นี้ ผมจะจัดต่อไปให้ลุ่มลึกหลากหลายขึ้นไม่ได้จำกัดแค่แนวคิดทฤษฎีแต่จะไปถึงเรื่องของกระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบอื่น ๆ
เพราะผมมีความมั่นใจว่าผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีงามขึ้นต่อจากนี้ไปไม่ใช่ผม ไม่ใช่นักวิชาการ ไม่ใช่นักเคลื่อนไหวที่อยู่ในเวลานี้ แต่คือคนรุ่นใหม่ ๆ ที่มีความใฝ่ฝันต่อโลก ต่อสังคม และต่อธรรมชาติที่ดีกว่านี้ให้ได้
หากมีน้อง ๆ คนไหนสนใจอยากเข้าร่วมกระบวนการเรียนรู้ทักทายมานะครับ
ขอให้เป็นคนที่มีฉันทะหรือความรักในปัญญาอย่างจริงจัง ขอให้เป็นคนที่มีความใฝ่ฝันในการเปลี่ยนแปลงสังคม และขอให้เป็นคนที่ไม่ติดกรอบคิด กับดักหรือร่องความคิดแบบตายตัวจนเกินไป
มาร่วมเรียนรู้กันครับ
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย