THAI CLIMATE JUSTICE for All

ทุกคนได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกรวนเท่ากันจริงหรือ

นี่คือคำถามใหญ่ที่ก้องอยู่ตลอดการประชุมเชิงปฏิบัติการ ระหว่างวันที่ 5–6 กันยายน 2568 ว่าด้วยการออกแบบกฎหมายและกลไกเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับกลุ่มที่อยู่ในสถานการณ์เปราะบาง จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย

การประชุมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของผู้แทนจาก 10 กลุ่ม ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤตภูมิอากาศ ตั้งแต่กลุ่มชาติพันธุ์ที่รักษาผืนป่า ชาวประมงพื้นบ้านที่ต้องเผชิญกับท้องทะเลที่เปลี่ยนไป แรงงานนอกระบบ คนไร้รัฐและผู้พลัดถิ่น ผู้หญิงและชุมชน LGBTQIAN+ คนพิการ เกษตรกร ผู้สูงอายุ ไปจนถึงเยาวชนผู้ต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน

ภายในงาน เราได้เห็นทั้งการปูภาพรวมจากสหประชาชาติที่สะท้อนความเชื่อมโยงระหว่างวิกฤตภูมิอากาศและสิทธิมนุษยชน การระดมความคิดที่เปิดพื้นที่ให้แต่ละกลุ่มได้ส่งเสียงของตนเอง การเสวนาจากผู้แทนองค์กรต่าง ๆ และการสังเคราะห์ข้อเสนอโดย ดร.กฤษฎา บุญชัย Thai Climate Justice for All (TCJA) ก่อนปิดท้ายด้วยการแลกเปลี่ยนกับคุณศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

แต่สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดไม่ใช่เพียงกระบวนการเหล่านี้ หากคือ “เสียง” ที่เปล่งออกมา เสียงของชาวประมงที่กำลังสูญเสียทะเลบ้านเกิด เสียงของคนไร้รัฐที่ถูกทิ้งโดยไร้การคุ้มครอง เสียงของเยาวชนที่ยังกล้าวาดภาพอนาคตที่พวกเขาจะได้มีลมหายใจ ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ใช่แค่ “นโยบาย” หากคือเรื่องราวการต่อสู้ ความหวัง และศักดิ์ศรีที่ผูกพันอยู่กับชีวิตจริง

ท้ายที่สุด งานครั้งนี้ทำให้เห็นชัดว่า ผลกระทบจากโลกรวนไม่เคยกระจายอย่างเท่าเทียม กลุ่มเปราะบางย่อมเผชิญความเสี่ยงหนักหน่วงกว่า และพวกเขาคือผู้ที่สมควรได้รับพื้นที่ในการกำหนดอนาคตของตนเอง

สิ่งที่ได้รับจึงไม่ใช่เพียงร่างข้อเสนอแนะ แต่คือบทเรียนสำคัญว่าทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางมีพลังในการทวงคืนในสิ่งที่ควรเป็นสิทธิของพวกเขาตั้งแต่แรก สิทธิที่จะมีชีวิต มีศักดิ์ศรี และมีอนาคตร่วมบนโลกใบนี้

วงศธร แก้ววิลัย TCJA รายงาน

Scroll to Top