ผม กฤษฎา บุญชัย ได้รับเชิญจากอาจารย์ชยา วรรธนภูติ หลักสูตร RCSD มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว มาเป็นวิทยากรอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับนักวิชาการและนักพัฒนารุ่นใหม่ในภูมิภาคอาเซียน ในหัวข้อ
“Creative and Just Environment and Climate Change Engagement” ระหว่างวันที่ 5-9 สิงหาคมที่สถาบันลาว-ญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว
ผู้เข้าอบรมราว 20 กว่าชีวิต เป็นทั้งนักพัฒนานักวิชาการ นักขับเคลื่อนสังคมจากเมียนม่า ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย
อาจารย์ชยาเริ่มเปิดประเด็นเรื่อง political ontology of climate change โดยชวนตั้งคำถามถึงวิธีคิด climate change ที่กลายเป็น concept ที่ใช้อธิบายทุกสิ่งอย่างล้นเกิน และยังถูกครอบงำผูกขาดอยู่ที่องค์ความรู้วิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญ จนบดบังปัญหาทางนิเวศและสังคมที่มีความสลับซับซ้อน แล้วพาเราให้คิดเอาเรื่องคาร์บอนออกจากศูนย์กลางของการเข้าใจปัญหา กลับมาสู่การทำความเข้าใจชีวิตทางสังคมของผู้คนกลุ่มต่าง ๆ
ผมรับลูกต่อมาด้วยชวนตั้งคำถามถึงวิธีคิดแบบลดทอนแยกส่วนของระบบทุนนิยมโลก ภายใต้วาทกรรมคาร์บอนนิยม พร้อมกับชวนคิดเรื่อง climate justice ในหลาย ๆ แบบ ทั้งแบบเสรีนิยม ประโยชน์นิยมและความเหมาะสมของแต่ละผู้คนและวัฒนธรรม
แต่ทั้งหมดนี้กำลังถูกผนวกภายใต้วิธีคิดทุนนิยมคาร์บอน จนไม่มีที่ให้กับความรู้แบบอื่นประสบการณ์แบบอื่นของผู้คนทางสังคม
ปัญหาโลกร้อนจึงเป็นเหมือนปัญหาอื่นๆที่มีกระบวนการครอบงำและการต่อต้านการครอบงำ
สนุกยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อทดลองเล่นเกม role play ให้ผู้เข้าร่วมจำลองตนเองเป็นกลุ่มชนพื้นเมืองเกษตรกร กลุ่มคนจนเมือง และกลุ่มคนชั้นกลาง เพื่อดูถึงการรับรู้ มองปัญหา ผลกระทบ และความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันภายใต้วิกฤตโลกร้อน
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงไม่ใช่วิธีคิดแบบสากลเชิงเดี่ยวแต่หลากหลายไปตามบริบทของสังคม
หลังจากนั้นจึงพาไปเล่นเกม role play ที่ 2 ด้วยการจำลองสถานการณ์ประชุม COP ของที่มีทั้งประเทศตะวันตกประเทศกำลังพัฒนาและกลุ่มประเทศหมู่เกาะที่เสี่ยงจมน้ำ
ผู้เข้าอบรมมีความรู้มิติการเมืองระหว่างประเทศที่ชัดเจนมากทำให้เกมนี้ออกมาสนุกเข้มข้นราวกับเป็นเวที COP จริง ๆ สามารถสร้าง argument หรือข้อถกเถียงที่เป็นปมปัญหาทางวิชาการและปลงปัญหาทางนโยบายได้อย่างหลากหลาย
ทั้งหมดกลับมาสู่บทสรุปว่า climate ต้องอยู่บนฐาน justice ภายใต้การสร้างความเป็นประชาธิปไตยให้กับนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากประชาชนคนรากหญ้า
นับเป็นความน่าภาคภูมิใจที่พลังทางวิชาการรุ่นใหม่กำลังก่อตัวขึ้นในระดับภูมิภาคอย่างแข็งขัน และจะเป็นพลังสำคัญในการสู้ปัญหาโลกร้อนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกอย่างมีความหวัง
พรุ่งนี้เราไปฟังเรื่องราวจากนักวิชาการลาวกันครับว่าสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศผ่านการจัดการป่าไม้ที่ดินจะเป็นอย่างไร







