
ระบบการเผ้าไร่หมุนเวียนของชาวกระเหรี่ยงปะกาญอ บ้านแม่ยางมิ้น ตำบลศรีก้อย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
ว่าด้วยการดำเนินวิถีชีวิตด้วยการทำไร่หมุนเวียนของชาวกระเหรี่ยงปะกาญอ ชาวบ้านมนุษย์กลุ่มเล็กในป่าเล่าว่า
“การทำไร่หมุนเวียนของชาวกระเหรี่ยงปะกาญอ พอถึงช่วงที่เราจะทำการเผาไร่เพื่อปรับหน้าดินก่อนจะทำการเพาะปลูกใหม่ อันดับแรก เราแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านให้รู้ก่อนว่าวันนี้เราจะเผา เจ้าของส่วน ต้องทำแนวกันไฟ ต้องให้เวลาอย่างมาก ต้องดูอากาศก่อนวา วันนี้จะมีลมไหม จะมีฝนไหม
.
หลังจากประเมินแล้ว เราถึงจะทำเเนวกันไฟ แล้วทำการเผา แล้วก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ด้วยน่ะ ถังน้ำ เพื่อไม่ให้ลุกลามกันไม่ไฟเข้าเขตป่าอนุรักษ์ ถ้าเผาเสร็จต้องคุมไฟให้สนิทก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน “
ในหนึ่งหมู่บ้านก่อนปักหลักตั้งถิ่นฐานแน่นอนว่าสมัยบรรพบุรุษ ดูทำเลที่ตั้งฐานมั่นคง เปี่ยมด้วยฐานทรัพยากร อย่างเช่นเดียวกันกับบ้านแม่ยางมิ้น มีป่าต้นน้ำ สายน้ำไหลเป้นสายธาร หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คน ในที่ไหนมีมนุษย์อาศัยอิงอาศัยกับธรรมชาติย่อมทมีเรื่องราวต่าง ๆมากมายที่เกิดขึ้น เพื่อเพิ่มรสชาติการดิ้นรน เพื่อเอาชีวิตรอด ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามด้วยกันเองระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ หรือมนุษย์กับธรรมชาติ ใครจะเป็นผู้กระทำต่อใครก่อนกัน รสชาติการดิ้นรน จะหอมหวานหรือขมขืน คงผสมผสานกันไป
แต่หากคำว่ามนุษย์กลุ่มหนึ่งที่กระทำปฏิบัติต่อธรรมชาติโอบอ้อมด้วยความรัก ความผูกพันธ์ ชีวิตที่มีอยู่ได้เป็นเพราะธรรมชาติเป็นผู้ให้ทุกอย่างของชีวิต ตั้งแต่เกิดจนเติบใหญ่ เหมือนต้นไม้ใหญ่ในป่า
มนุษย์กลุ่มเล็กใช้ชีวิตอยู่ในป่า ทั้งใช้ประโยชน์และปกป้องดูแล
แอดยังคงนั่งอยู่ในบทสนทนาที่ชาวบ้านอาสาดับไฟป่านั่งคุยกันระหว่างเฝ้าระวังการเกิดไฟป่า ข้อที่เขียนข้างต้น คือความรู้สึกของแอดที่ไม่เคยอาศัยอยู่ในป่า จนกระทั่งได้ยินและได้ลงไปสัมผัสชาวบ้านอาสาดับไฟป่า เจตนาก่อนหน้านี้แอดอยากฟังเรื่องราวการดดับไฟป่าของชาวบ้านว่าชาวบ้านมีภูมิปัญญาอะไรในการดับไฟป่า จนตอนนี้ทำให้แอดอยากรู้เลยว่า “ทำไมชาวบ้านต้องเริ่มต้นเป็นด่านหน้ากันเองในการเป็นอาสาดับไฟป่า”
ถึงอย่างไรก็ตาม มนุษย์กลุ่มเล็กก็ต้องปรับตัวกับสถาการณ์ที่ไม่ค่อยจะหอมหวานสักเท่าไร และจะมีวิธีการปรับตัวและป้องกัน ดูแลรักษาป่าจากชีวิตอย่างโพสต์ที่ได้เขียนไปก่อนหน้านี้