
“พื้นที่ที่เคยเป็นไร่หมุนเวียน เราไม่ได้ทำแล้ว เพราะเราโดนห้าม เราคุยร่วมกันกับชาวบ้าน ทำข้อตกลงกันว่าที่ดินตรงนี้ ที่เดิมทำไร่มาเป็นพื้นที่อนุรักษ์ป่าชุมชนแทน แล้วให้ย้ายที่ทำกินไปเป็นป่าอีกฝั่งแทน เพื่อจัดการการดูแลป่าชุมชน แบ่งโซนพื้นที่ประกอบอาชีพการเกษตร”
“รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำไร่หมุนเวียนแล้ว เพราะว่าประเพณีหรือวัฒนธรรมเก่า ๆ มันทำไม่ได้แล้ว เช่น พืชพันธุ์ในไร่ไม่มีเหมือนเดิม
เมื่อก่อนพืช ผัก พริกสวนมีในไร่หมด แต่พอไม่ได้ทำไร่แล้ว ปัจจุบัน ถ้าเราจะไปสวนทำไร่ เราก็ต้องพกพืชผัก แม้กระทั่งพริกก็ต้องพาไปเอง และพืชพันธ์ุบางอย่างที่เคยมี ก็หายไป เช่น แตง ฟักทอง มันก็เลยเสียดายมาก”
“สมัยก่อน ก่อนที่จะการทำไร่ จะมีการทำพิธีกรรม ขอน้ำ ขอฝน เป็นการทำพิธีร่วมกันของคนในหมู่บ้าน จนปัจจุบันนี้ไม่มีอีกแล้ว”
และพันธุ์ข้าวไร่ที่เคยมีก็หายไปแล้วด้วย เพราะเราก็ไม่ได้ทำข้าวไร่แล้ว ผลผลิตก็ไม่ดีเหมือนแต่ก่อน เพราะเราไม่ได้เผา ไม่ได้หมุนเวียนไร่ เรายังคงใช้พื้นที่ดินเดิมในการทำเกษตร ข้าวมันก็ได้น้อยกว่าเดิม ไม่คุ้มที่จะปลูก
เราสังเกตวิถีชีวิตของเรา สังเกตว่าถ้าเราหาปลาไปเรื่อย ๆ ปลาอาจจะหมด เราเลยคุยและตกลงกันในชุมชนว่าจะว่าจะทำอย่างไรให้เรามีปลากินไปตลอด ถึงลูกหลาน จนได้ว่าเราจะอนุรักษ์แหล่งน้ำไว้เป็นพื้นที่เพาะพันธุ์สัตว์น้ำ
หลังจากทำข้อตกลงกันว่าจะอนุรักษ์แหล่งน้ำเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ เราได้เชิญพระมาทำพิธีกรรม สาบานตนว่าจะอนุรักษ์แหล่งน้ำเพื่อจะเก็บเป็นแหล่งเพาะพันธุ์
“สุดท้ายนี้เราอยากขอบคุณป่า ที่สร้างอะไรหลาย ๆ อย่างให้กับเรา ทั้งน้ำ ป่า สัตว์ต่าง ๆ ขอบคุณที่ยอมอดทน ที่ไม่ยอมสูญหายไป โลกเปลี่ยนไปเยอะมาก การเติบโตของต้นไม้มันก็ยากขึ้น และต้นไม้หลายต้นก็เริ่มแก่แล้ว เริ่มหักแล้ว ขอบคุณป่าที่ยังคงอยู่เพื่อพวกเราทุคน”