THAI CLIMATE JUSTICE for All

สิทธิมนุษยชนในยุคที่โลกไม่หมุนรอบมนุษย์

เราพูดถึง “สิทธิมนุษยชน” มานานในฐานะเกราะปกป้องศักดิ์ศรีของคน แต่ถ้าโลกทั้งใบกำลังพังลง — ป่าไหม้ แม่น้ำแห้ง สัตว์สูญพันธุ์ — สิทธิมนุษยชนยังมีความหมายอยู่ไหม ถ้า “เงื่อนไขของชีวิต” ไม่เหลือให้ใช้สิทธิ

นี่คือคำถามของแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า Ecocentric Human Rights – สิทธิมนุษยชนที่ยึดธรรมชาติเป็นศูนย์กลาง

จาก “สิทธิของคน” สู่ “สิทธิของโลก”

สิทธิมนุษยชนในกรอบเดิมมองมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (anthropocentric) แต่สิทธิเชิง ecocentric มองว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายชีวิต สิทธิมนุษย์จะดำรงอยู่ได้ ก็ต่อเมื่อโลกยังอยู่ สิทธิในการมีชีวิต สุขภาพ หรือบ้านที่ปลอดภัย ทั้งหมดตั้งอยู่บนผืนดิน น้ำ และอากาศที่สมบูรณ์ ดังนั้น สิทธิมนุษยชนจึงต้องเชื่อมกับ สิทธิของธรรมชาติในการดำรงอยู่ เราไม่ใช่ “เจ้าของโลก” แต่เป็น “สมาชิกของโลก”

เสียงจากผู้ที่อยู่กับธรรมชาติ

Robin Wall Kimmerer นักนิเวศวิทยาและชนพื้นเมืองเผ่า Potawatomi กล่าวไว้ว่า

“The language of natural resources suggests we own them. I want to remember that they are gifts.” — Yale Environment 360, 2020 (แหล่งอ้างอิง)

คำพูดนี้เปลี่ยน “สิทธิ” ให้กลายเป็น “ความสัมพันธ์” เพราะสิทธิโดยไม่มีความรับผิดชอบ ย่อมกลายเป็นการเอาเปรียบโลก

🔥 บทเรียนจากป่าไฟและแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์

ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ชนพื้นเมือง Nisenan ใช้ภูมิปัญญาในการ “เผาเชิงควบคุม” เพื่อป้องกันไฟป่าครั้งใหญ่และคืนสมดุลให้ผืนดิน พวกเขาเรียกแนวคิดนี้ว่า “Fire is medicine.”

“Nature and Nisenan culture are deeply intertwined. Damage one and the other feels it.” — Collaborative Learning Project: Indigenous Rights and Climate Resilience (2023) (รายงานเต็ม)

นี่คือภาพของสิทธิมนุษยชนที่ไม่แยกออกจากธรรมชาติ สิทธิที่จะดำรงวัฒนธรรม คือสิทธิที่จะมีระบบนิเวศที่ยังมีชีวิต

เมื่อสิทธิของธรรมชาติคือสิทธิของมนุษย์

ในป่าอเมซอน ชุมชน Sarayaku ต่อสู้กับบริษัทน้ำมันที่นำระเบิดเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาชนะคดีในศาลสิทธิมนุษชนระหว่างอเมริกา (Inter-American Court of Human Rights) และหนึ่งในผู้นำหญิง Patricia Gualinga กล่าวไว้ว่า

“Preserving nature guarantees that ecosystems can regenerate, that there is harmony in Mother Earth, and that life continues to exist.” — The Guardian, April 2024

(อ่านข่าวต้นฉบับ)

การต่อสู้ของพวกเขาไม่ใช่แค่เพื่อปกป้องชีวิตของคน แต่เพื่อปกป้อง “หัวใจของโลก” ที่ทำให้ชีวิตทั้งหมดดำรงอยู่

💬 สิทธิมนุษยชนที่แท้ = จริยธรรมร่วมโลก

แนวคิด Ecocentric ไม่ได้ทำให้มนุษย์เสียสิทธิ แต่มอบสิทธิที่มี “ความสำนึก” กลับคืน สิทธิที่มาพร้อมความรับผิดชอบต่อโลกใบเดียวกัน

“การปกป้องธรรมชาติคือการปกป้องสิทธิมนุษย์ในรูปแบบสูงสุด” — Patricia Gualinga, Sarayaku

ในศตวรรษแห่งวิกฤตภูมิอากาศ

สิทธิมนุษยชนไม่อาจหยุดอยู่ที่เสรีภาพของคนแต่ต้องก้าวสู่ “เสรีภาพของชีวิตทั้งหมด” เพราะในที่สุด โลกไม่ได้ต้องการให้เราช่วยเธอ แต่ต้องการให้เราจำได้ว่า เราไม่เคยแยกจากเธอเลยตั้งแต่ต้น

#RightsOfNature#EcocentricHumanRights#ClimateJustice#สิทธิโลก#สิทธิมนุษยชน#NatureIsAlive


📚 แหล่งอ้างอิง

1. Kimmerer, R. W. (2020). Interview: Robin Wall Kimmerer on the Healing Power of “Reciprocity With Nature.” Yale Environment 360. https://e360.yale.edu/features/robin-kimmerer-interview

2. Collaborative Learning Project. (2023). Indigenous Rights and Effective Climate Resilience: U.S. Case Study (Nisenan). https://www.cdacollaborative.org/…/US-case-study-FINAL.pdf

3. The Guardian. (2024, April 18). “Sarayaku’s fight for the Amazon: Indigenous community seeks to clear explosives from sacred lands.” https://www.theguardian.com/global-development/2024/apr/18/sarayaku-ecuador-amazon-indigenous-land-explosives-oil-company-ecosystems?fbclid=IwY2xjawN4zXlleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFsUEZTQWFGcEhKT2s5aWxsc3J0YwZhcHBfaWQQMjIyMDM5MTc4ODIwMDg5MgABHhnCHD5kYYuO4a2i2l6wQHu-Xj0NmL80Ik0ks06npMJAMGSTMHiIQZzXflwH_aem_9jCXcT2dJmUTKhV4q8C8Kw

Scroll to Top