อบรมเชิงปฏิบัติการสภาวะโลกร้อน สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางปรับตัวภาคเกษตรและ “โปรตีนจากพืช” (plant-based protein) “อาหารแห่งอนาคต”
วันที่ 24 มิถุนายน 2568
ชาวบ้านเกษตรอินทรีย์จังหวัดปราจีนบุรี ณ โรงเรียนวัดใหม่พรหมสุวรรณ จังหวัดปราจีนบุรี
เป้าหมาย
“เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านการผลิตโปรตีนสัตว์ในอุตสาหกรรมอาหาร ไปสู่การผลิตโปรตีนจากพืชโดยชุมชนท้องถิ่น และสนับสนุนการบริโภคโปรตีนจากพืชเพื่อความยั่งยืนและความเป็นธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ”
สถานการณ์โลก : กระบวนการผลิตอาหารปล่อยก๊าซเรือนกระจกราว 30% ของก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนโลก ในจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่งเกิดจากการผลิตเนื้อสัตว์ โดยก๊าซนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกได้มากว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่า หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งเนื้อสัตว์เหล่านี้ มากกว่าแค่ก๊าซเรือนกระจก…คือ แหล่งกำเนิด PM2.5 จากภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมสัตว์ 80% ของที่ดินเกษตรในไทย ใช้เพื่อภาคปศุสัตว์
ผลกระทบของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และอาหารทะเล
1. พื้นที่เพาะปลูกข้าวโพด 54% อยู่ในพื้นที่สูง → ทำให้การเผาตอซังเป็นทางเลือกหลัก
2. พื้นที่ปลูกข้าวโพดมีสัดส่วน 35% ของจุดความร้อน จากการเผาตอซังในลุ่มน้ำโขง (2015–2019)
3. การผลิตข้าวโพด 1 ตัน → PM2.5 ประมาณ 11.5 กก. ปี 2023 เกิด PM2.5 รวม 76,100 ตัน จากข้าวโพด
4. ภาคปศุสัตว์ของไทยมีขนาดใหญ่ และเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มมลพิษทางอากาศ โดยมีแอมโมเนีย (NH₃) จากภาคปศุสัตว์ เป็นแหล่งสำคัญของ PM2.5 ทุติยภูมิ และ “โปรตีนจากพืช” (plant-based protein) หนึ่งในโปรตีนทางเลือก เป็น…“อาหารแห่งอนาคต”
รัฐบาลไทยสนับสนุน
: ปี 2021: ประกาศใช้นโยบายเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy)
: เน้นการผลิตที่มีมูลค่าเพิ่ม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
: ภาคเกษตรและอาหารถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งใน “4 เป้าหมายยุทธศาสตร์” ภายใต้แนวคิด “อาหารแห่งอนาคต”
โครงการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมโปรตีนสัตว์สู่โปรตีนพืชของท้องถิ่นเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก (ระยะเวลา 2 ปี)
#ภาวะโลกร้อน#เรียนรู้ผ่านการเล่น#อนาคตที่ยั่งยืน #ClimateChange #ClimateEducation #EnvironmentalAwareness #NextGenerationForThePlanet #thaiclimatejusticeforall
