
โลกที่ร้อนขึ้น ใจที่เหินห่าง
เมื่อพูดถึง Climate Change เรามักนึกถึงไฟป่า น้ำท่วม พายุ หรือโลกร้อน แต่น้อยครั้งนักที่เราจะหยุดถามว่า สิ่งเหล่านี้กระทบ “สุขภาวะ” ของเราทุกระดับอย่างไรบ้าง ไม่ใช่แค่ปอด หัวใจ หรือพืชอาหาร แต่หมายถึงจิตใจ ความสัมพันธ์ และความรู้สึกเป็นมนุษย์ที่อยู่ร่วมกับโลก
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า แต่ผู้คนกลับรู้สึกโดดเดี่ยว วิตกกังวล และหมดหวังมากขึ้น บางที climate change อาจไม่ใช่แค่ “วิกฤตสิ่งแวดล้อม” หากแต่เป็น “วิกฤตทางจิตวิญญาณ” ที่ต้องการการเยียวยาทั้งระบบชีวิต
1. Climate Change ไม่ใช่แค่โลกร้อน แต่คือสายใยที่ขาดหาย
- ผลกระทบของ Climate Change ต่อสุขภาวะมีหลายมิติและโยงถึงกันลึกซึ้ง
- สุขภาพกาย ได้รับผลโดยตรงจากคลื่นความร้อน มลพิษทางอากาศ และโรคติดต่อที่เปลี่ยนรูปแบบจากความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ เช่น โรคที่มียุงเป็นพาหะ หรือโรคที่มากับน้ำเสีย
- สุขภาพจิต เริ่มมีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า “eco-anxiety” หรือ “solastalgia” คือความเศร้า ความรู้สึกสิ้นหวัง และไม่มั่นคงต่ออนาคตจากการเผชิญโลกร้อนและภัยพิบัติบ่อยครั้ง
- สุขภาวะทางสังคม ได้รับผลเมื่อผู้คนต้องพลัดถิ่น สูญเสียชุมชน เกิดความขัดแย้งในการเข้าถึงทรัพยากร หรือการพังทลายของเครือข่ายความสัมพันธ์ในครอบครัวและหมู่บ้าน
- สุขภาวะทางจิตวิญญาณ ซึ่งมักถูกละเลยมากที่สุด เป็นมิติที่เกี่ยวกับความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของโลก ความผูกพันกับผืนดิน สายน้ำ และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เมื่อโลกเสียสมดุล มนุษย์ก็สูญเสียรากเหง้าของความหมายในชีวิตด้วย
- แนวคิด Planetary Health และ Ecological Well-being จึงเสนอว่า สุขภาพของมนุษย์ไม่อาจแยกขาดจากสุขภาพของโลกได้ และหากจะรักษา well-being ของมนุษย์ ก็ต้องเริ่มจากการเยียวยาความสัมพันธ์กับโลกนี้อย่างลึกซึ้ง
2. ความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณ แก่นแท้ของ Well-being ที่ถูกลืม
- ความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ไม่ใช่แนวคิดใหม่ หากแต่เป็นรากฐานของชีวิตมนุษย์มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในวัฒนธรรมพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นชาว Māori ในนิวซีแลนด์ ชาว Kogi แห่งโคลอมเบีย หรือชาวกะเหรี่ยงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล้วนมองโลกเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิญญาณ
- ในระบบความเชื่อเหล่านี้ ธรรมชาติไม่ใช่แค่ทรัพยากรที่ใช้สอย แต่คือญาติ คือครู คือผู้มีบุญคุณ ผู้คนจึงอยู่กับโลกอย่างเคารพ มีพิธีกรรม มีบทสวด มีข้อห้ามในการเบียดเบียน และมีวัฒนธรรมในการแบ่งปัน
- การขาดความสัมพันธ์ในมิตินี้ ทำให้มนุษย์สมัยใหม่มีแนวโน้มมองโลกแบบแยกส่วน มุ่งใช้ประโยชน์จากธรรมชาติโดยขาดความสำนึกถึงผลสะท้อนกลับ เมื่อความสัมพันธ์กับธรรมชาติเสื่อมถอย ความรู้สึกของความเป็นมนุษย์ที่มีราก มีใจ และมีจุดหมายในชีวิตก็เริ่มสั่นคลอนไปด้วย
3. ตัวอย่างจริง การเยียวยาใจจากธรรมชาติ
- ชาว Kogi แห่งโคลอมเบีย ชนพื้นเมืองกลุ่มนี้เชื่อว่าตนคือ “ผู้ดูแลหัวใจของโลก” (caretakers of the heart of the world) พวกเขาปฏิเสธวิถีวัตถุนิยมของโลกสมัยใหม่ และดำรงชีวิตอย่างสมดุลกับธรรมชาติ โดยใช้พิธีกรรม การฟังธรรมชาติ และการถ่ายทอดปัญญาผ่านความเงียบและความสงบ
- กิจกรรมธรรมชาติบำบัดในเมืองใหญ่ เมืองใหญ่หลายแห่งทั่วโลก เช่น โตเกียว โซล ลอนดอน หรือแวนคูเวอร์ ได้นำรูปแบบ Forest Therapy มาใช้เพื่อช่วยให้ประชาชนคลายความเครียด โดยเฉพาะในช่วงหลังวิกฤต COVID-19 และภัยพิบัติด้านสภาพภูมิอากาศ การเดินป่าช้าๆ ฝึกหายใจ และสัมผัสต้นไม้กลายเป็นกระบวนการทางจิตใจที่ได้รับการยอมรับ
- ศิลปะและพิธีกรรมในชายแดนใต้ของไทย ชุมชนมลายูมุสลิมในชายแดนใต้มีรูปแบบการเชื่อมโยงกับธรรมชาติผ่านบทสวด ศิลปะพื้นบ้าน และพิธีขอฝนหรือขอบคุณแม่น้ำภูเขา แนวปฏิบัติเหล่านี้ไม่เพียงเยียวยาภูมิทัศน์ แต่ยังเยียวยาหัวใจคนในพื้นที่ที่ต้องเผชิญทั้งโลกร้อนและความรุนแรงเชิงโครงสร้าง
4. แนวทางเชิงนโยบายและการเปลี่ยนผ่าน
4.1 ฟื้นนโยบาย Well-being ที่เชื่อมคนกับธรรมชาติ
- การขับเคลื่อนเชิงนโยบายควรเริ่มจากการยอมรับว่า well-being ไม่ได้จำกัดแค่สุขภาพหรือรายได้ แต่รวมถึง ความสัมพันธ์และความหมายของชีวิต การสร้างพื้นที่ที่เชื่อมโยงคนกับธรรมชาติจึงเป็นเรื่องจำเป็น เช่น
- พัฒนาพื้นที่สีเขียวแบบมีความหมาย เช่น สวนชุมชนที่มีประวัติ วัดป่าที่เป็นศูนย์กลางการเยียวยา หรือป่าชุมชนที่มีพิธีกรรมประจำปี
- สนับสนุนเมืองที่ออกแบบโดยคำนึงถึง “จิตใจของคน” ไม่ใช่แค่ถนน อาคาร หรือเศรษฐกิจ เช่น เมืองที่ให้เวลาคนอยู่กับธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาวะเมือง
4.2 ยอมรับสิทธิของธรรมชาติในกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
- หากโลกคือสิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ การยอมรับว่า “ธรรมชาติมีสิทธิในตัวเอง” (Rights of Nature) จึงไม่ใช่เพียงปรัชญา แต่คือหลักการทางกฎหมายที่เริ่มเกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น เอกวาดอร์ นิวซีแลนด์ และโคลอมเบีย ซึ่งแม่น้ำ ภูเขา หรือป่าบางแห่งได้รับการคุ้มครองในฐานะ “บุคคลทางกฎหมาย”
- ในประเทศไทย อาจเริ่มจากการเปิดเวทีสาธารณะเพื่อฟังเสียงของชุมชนที่มีความสัมพันธ์พิเศษกับธรรมชาติ เช่น กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มชาวเล กลุ่มเกษตรอินทรีย์ และกลุ่มศิลปิน นักบวชที่ทำงานเชื่อมใจคนกับโลก
4.3 หนุนการฟื้นฟูใจแบบ Ecospirituality
- Ecospirituality หรือการฟื้นฟูจิตวิญญาณผ่านธรรมชาติไม่ใช่เรื่องเฉพาะกลุ่ม แต่สามารถนำมาออกแบบเป็นนโยบายเชิงสุขภาวะ เช่น
- ส่งเสริมโครงการ “เดินป่าเยียวยา” สำหรับผู้เผชิญภัยพิบัติ หรือผู้มีภาวะเครียด
- บรรจุกระบวนการ “สื่อสารกับธรรมชาติ” เช่น สมาธิ ปฏิบัติธรรม ศิลปะจากธรรมชาติ ลงในระบบการศึกษา สุขภาพจิต หรือการฟื้นฟูหลังวิกฤต
- หนุนศิลปินท้องถิ่น นักออกแบบ หรือเยาวชนรุ่นใหม่ให้สร้างสื่อ วรรณกรรม หรือกิจกรรมที่เชื่อมใจคนกับโลกในมิติที่งดงาม ไม่ตื้นเขิน
โลกร้อนขึ้นเพราะใจเราห่างจากโลก
Climate change ไม่ใช่เพียงผลจากก๊าซเรือนกระจกที่สะสมในชั้นบรรยากาศ แต่เป็นผลของความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยวระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ความคิดว่ามนุษย์อยู่เหนือธรรมชาติ นำไปสู่การตัดขาดสายใยทางใจ ความรัก และความหมายที่เคยผูกโยงชีวิตมนุษย์กับโลกใบนี้
หากเราต้องการทางรอด เราต้องไม่เพียงลดการปล่อยคาร์บอน แต่ต้อง ปลุกสายใยทางใจระหว่างคนกับธรรมชาติให้ฟื้นคืน
“We are not in nature. We are nature becoming conscious of itself.”
Joanna Macy
เอกสารอ้างอิง
1. Whitmee, S. et al. (2015). Safeguarding human health in the Anthropocene epoch: Report of the Rockefeller Foundation–Lancet Commission on planetary health. The Lancet, 386(10007), 1973–2028.
2. Macy, J., & Brown, M. Y. (2007). Coming Back to Life: Practices to Reconnect Our Lives, Our World. New Society Publishers.
3. Clayton, S. et al. (2017). Mental health and our changing climate: impacts, implications, and guidance. APA & ecoAmerica.
4. Ingold, T. (2011). Being Alive: Essays on Movement, Knowledge and Description. Routledge.
5. Berry, H. L., Bowen, K., & Kjellstrom, T. (2010). Climate change and mental health: a causal pathways framework. International Journal of Public Health, 55(2), 123–132.
6. Escobar, A. (2018). Designs for the Pluriverse: Radical Interdependence, Autonomy, and the Making of Worlds. Duke University Press.
7. The Rights of Nature International (2023). Recognizing Legal Rights for Ecosystems. www.rightsofnature.org