THAI CLIMATE JUSTICE for All

“ทะเลระยองไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

วงศธร แก้ววิลัย TCJA

ในบริเวณ มาบตาพุต จ.ระยอง พื้นที่ที่ครั้งหนึ่งเคยอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าชายเลนและแหล่งประมงพื้นบ้าน แต่วันนี้กำลังเผชิญการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ทั้งถมทะเลกว่า 1,000 ไร่ เพื่อสร้างท่าเรือก๊าซฟอสซิลเหลว (LNG) และกาาขยายเขตอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกมาตั้งแต่ปี 2524

หลายคนอาจคิดว่านี่คือ “ความก้าวหน้า” แต่สำหรับชาวประมงพื้นบ้าน นี่คือการสูญเสียทั้งวิถีชีวิต อาหาร และบ้านที่อยู่กับทะเลมาเป็นรุ่น ๆ

ในวันที่ 24-26 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา เครื่อข่าย Thailand Climate Change Action Network (ThaiCCAN) ได้จัดงานเสวนา “เวทีคืนข้อมูลชุมชนระยองและรายงานความคืบหน้า: ความเป็นธรรมชายฝั่งกับการพัฒนาโครงการ LNG” ที่มีหลายกลุ่มคนเข้าร่วมไม่ว่าจะเป็น NGOs, กับเครือข่ายประมงกลุ่มต่างๆ ในระยอง, หรือตัวแทนของนักการเมืองท้องถิ่น

ในงานนี้ได้แบ่งเป็น 2 ช่วง คือการนำเสนอข้อมูลรายงานวิจัยที่ทำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่จัดทำโดยชาวบ้าน วิจัยนี้เรียกว่า “วิจัยชุมชน” เป็นการเก็บข้อมูลจากฐานราก ชาวบ้านเป็นคนลงพื้นที่ ถ่ายรูปพันธุ์สัตว์น้ำ ทำปฏิทินชุมชน และวาดแผนที่ภูมินิเวศ เพื่อบอกเล่าความจริงจากชีวิตจริง ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาษ โดยในงานจะมีการนำเสนอรายงานการวิจัยของนักวิชาการในแต่ละบท ไม่ว่าจะเป็นบทที่ 1 ว่าด้วย “เสียงของชุมชนและกระบวนการเก็บข้อมูล“ นำเสนอโดย ผศ.ดร.สกฤติ อิสริยานนท์ บทที่ 2 ว่าด้วย “LNG และวิกฤตสภาพภูมิอากาศโลก“ ที่นำเสนอโดย ดร.กฤษฎา บุญชัย TCJA และประเด็นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านกฎหมาย หรือเสียงของชาวระยอง

จากงานนำเสนอให้เห็นภาพรวมของปัญหามากมายไม่ว่าจะเป็น

ผลกระทบชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ

  • พันธุ์สัตว์น้ำลดลงอย่างน่าตกใจ จากที่เคยพบ 142 ชนิด เหลือหลักฐานภาพถ่ายเพียง 81 ชนิด
  • หมึกจาก 4 ชนิด เหลือเจอแค่ 2 ชนิด หอย 14 ชนิด เหลือเพียง 10 ชนิด
  • รายได้ประมงพื้นบ้านลดลงครึ่งหนึ่ง จากเคยจับได้ 10 กิโล เหลือเพียง 5 กิโล
  • ชาวบ้านต้องออกเรือจากชายฝั่งไกลกว่าเดิมหลายไมล์ เพราะสัตว์น้ำหานากขึ้น

ผลกระทบไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ

  • ประเด็นเรื่องชาวบ้านผู้หญิงและกลุ่มเปราะบางในชุมชนได้รับผลกระทบหนักสุด ทั้งเรื่องรายได้และความมั่นคงทางอาหาร
  • วิถีชีวิตดั้งเดิมและจิตวิญญาณของทะเล ค่อย ๆ สูญหายไป

ข้อมูลสุขภาพยังเป็น “ช่องว่างใหญ่”

-มีข้อเสนอในวงเสวนาให้ชุมชนกำลังผลักดันให้เกิดการทำ C-HIA (Community Health Impact Assessment) หรือการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพโดยชุมชนเอง เพราะข้อมูลทางการยังไม่มี

สุดท้ายนี่ไม่ใช่แค่เรื่องกุ้ง หอย ปลา ปู หรือท่าเรือ แต่คือเรื่อง สิทธิและความเป็นธรรมทางชายฝั่ง เสียงของคนริมทะเลมักไปไม่ถึงโต๊ะตัดสินใจ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ในวงเสวนามีผู้เข้าร่วมเสวนาผลักดันข้อเสนอว่า

  • ต้องมี “ค่าปฏิกรณ์การพัฒนา” ที่ชดเชยผลกระทบเชิงลึก ไม่ใช่แค่เงินชดเชย
  • ต้องเปิดพื้นที่ให้ชุมชนมีสิทธิร่วมประเมินผลกระทบและกำหนดอนาคตของตนเอง
  • ชุมชนยังเดินหน้าตั้ง ธนาคารปูม้า สร้างเครือข่ายประมงเรือเล็ก และเตรียมเขียน หนังสือวิจัยชุมชน เพื่อเก็บทุกเสียง ทุกภาพถ่าย และทุกความทรงจำของทะเลระยอง

เพราะทะเลไม่ควรถูกมองแค่เป็นพื้นที่สำหรับการพัฒนา แต่คือชีวิตที่เชื่อมโยงคน สัตว์ และวัฒนธรรม

ในบริเวณ มาบตาพุต จ.ระยอง พื้นที่ที่ครั้งหนึ่งเคยอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าชายเลนและแหล่งประมงพื้นบ้าน แต่วันนี้กำลังเผชิญการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ทั้งถมทะเลกว่า 1,000 ไร่ เพื่อสร้างท่าเรือก๊าซฟอสซิลเหลว (LNG) และการขยายเขตอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกมาตั้งแต่ปี 2524

หลายคนอาจคิดว่านี่คือ “ความก้าวหน้า” แต่สำหรับชาวประมงพื้นบ้าน นี่คือการสูญเสียทั้งวิถีชีวิต อาหาร และบ้านที่อยู่กับทะเลมาเป็นรุ่น ๆงพื้นบ้าน นี่คือการสูญเสียทั้งวิถีชีวิต อาหาร และบ้านที่อยู่กับทะเลมาเป็นรุ่น ๆ

Scroll to Top