
มหาอุทกภัยหาดใหญ่ น้ำที่พัดพา “ความไม่เป็นธรรมสภาพภูมิอากาศ” ให้ลอยขึ้นผิวน้ำ
คืนที่ชาวหาดใหญ่ต้องอพยพกลางดึก เสียงหนึ่งในรายงานข่าวพูดเหมือนกันว่า “น้ำขึ้นเร็วมาก ไม่มีการเตือน” ประโยคสั้น ๆ นี้ไม่ใช่แค่คำบ่น แต่คือเสียงของคนธรรมดาที่ต้องรับผลจากโลกที่ร้อนขึ้นเร็วกว่าที่รัฐจะปรับตัวทัน และในวินาทีเดียวกัน สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ก็กำลังจมน้ำ เด็กต้องย้ายไปศูนย์อพยพ ถนนขาด ชุมชนลุ่มต่ำถูกทิ้งให้รอเรือช่วย แต่เสียงของพวกเขาเบากว่าหาดใหญ่ ไม่ใช่เพราะความเดือดร้อนน้อยกว่า
แต่เพราะโครงสร้างรัฐให้ “น้ำหนักของพื้นที่” ไม่เท่ากัน
หาดใหญ่คือเมืองเศรษฐกิจ ส่วนชายแดนล่างกับอยุธยา คือพื้นที่ที่ท่วมซ้ำจนเหมือนเรื่องปกติ ทั้งที่เป็น “ผู้รับเคราะห์” จากโลกร้อนไม่ต่างกัน และลึกลงไปกว่านั้น คือพื้นที่เหล่านี้เป็นบ้านของคนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุดในประเทศ นี่คือ ความไม่เป็นธรรมสภาพภูมิอากาศ เพราะโลกร้อนขึ้นจริง อากาศอุ่นขึ้นทำให้บรรยากาศเก็บไอน้ำมากขึ้น ฝนจึงหนักกว่าเดิมในเวลาที่สั้นกว่าเดิม และตกลงบนเมืองที่มีถนนปิดคลอง มีตลิ่งพัง และมีลำน้ำถูกบีบคอ
ไม่แปลกที่น้ำจึงไหลเร็ว เก็บตัวไม่ทัน และพุ่งเข้าหาชุมชนที่ไม่มีทางหนี แต่สิ่งที่รุนแรงกว่า “ฝนหนัก” กลับเป็น “ระบบรวมศูนย์” ที่ทำให้ท้องถิ่นรู้ว่าน้ำกำลังมา แต่ไม่มีอำนาจสั่งการ ไม่มีงบสำรอง และต้องรอประกาศภัยพิบัติจากส่วนกลาง เหมือนต้องรออนุญาตก่อนจะช่วยคนตัวเอง น้ำถึงตัวเร็วกว่าคำสั่ง นี่คือปัญหาโครงสร้าง ไม่ใช่ปัญหาภัยธรรมชาติ ความลุ่มลึกของเรื่องทั้งหมดจึงไม่ใช่แค่ว่า น้ำท่วม เพราะฝนมาก แต่คือ ชีวิตของใครถูกปล่อยให้เสี่ยงมากกว่าใคร และ เมืองใดถูกปกป้องมากกว่าเมืองอื่น
คำตอบไม่เคยเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวกับอำนาจ งบประมาณ และความสำคัญที่รัฐให้กับพื้นที่แต่ละแห่ง
ถ้าประเทศไทยต้องการยืนหยัดในยุคโลกร้อนจริง ต้องเริ่มจากการยอมรับว่า ความปลอดภัยไม่ควรผูกกับมูลค่าทางเศรษฐกิจของเมือง และการจัดการภัยพิบัติไม่ควรขึ้นอยู่กับว่าคุณเกิดจังหวัดไหน
การกระจายอำนาจจึงไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่คือ เงื่อนไขพื้นฐานของการมีชีวิตรอด เพราะท้องถิ่นรู้ก่อน รับผลก่อน และช่วยกันเองก่อนเสมอการให้เขามีอำนาจและทรัพยากรจึงไม่ใช่การเอื้ออำนาจ แต่คือการคืนความยุติธรรมให้คนที่ยืนอยู่ในน้ำก่อนใคร
ท้ายที่สุด น้ำท่วมครั้งนี้บอกเราว่า ประเทศไทยจะอยู่รอดในโลกที่ร้อนขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อทุกพื้นที่ ไม่ว่าหาดใหญ่ สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส หรืออยุธยา ได้รับสิทธิในการปกป้องชีวิตของตัวเองอย่างเท่าเทียมกันเพราะในวันที่ฝนตกหนักจนท่วมเมือง สิทธิในการไม่จมน้ำ ควรเป็นของทุกคน ไม่ใช่ของบางพื้นที่เท่านั้น