THAI CLIMATE JUSTICE for All

Social Share

เผยแพร่โดย La Via Campesina
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2022
แปลและเรียบเรียงโดย ปิโยรส ปานยงค์
ภาพประกอบโดย La Via Campesina

ปีแล้วปีเล่า COP ผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ภาวะโลกร้อนก็มีแต่จะรุนแรงขึ้นๆด้วยสาเหตุใหญ่คือธุรกิจการเกษตรและระบอบทุนนิยมที่ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจการเกษตร ภาวะวิกฤติในปัจจุบันเกิดจากระบบเศรษฐกิจที่เบียดเบียนทุกชีวิตบนโลกใบนี้โดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดของธรรมชาติ ระบบนิเวศที่ซับซ้อนและวงจรสรรพชีวิตกำลังล่มสลาย การระบาดของไวรัส Covid19 และบริการด้านสาธารณสุขที่ไม่เพียงพอสำหรับทุกคนในช่วงเวลาของการระบาดแสดงให้เห็นว่าระบอบทุนนิยมนั้นสามารถโหดร้ายเพียงไรเมื่อเวลาแห่งความทุกข์ยากจากภัยธรรมชาติมาถึง เราเห็นตัวอย่างแล้วจากปากีสถาน ปาเลสไตน์ และเปอโตริโก้ที่ถูกทำลายล้างโดยภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อน และภัยธรรมชาติที่รุนแรงนี้กำลังจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของประชากรในบางพื้นที่เพราะความถี่ของเหตุการณ์ที่สูงขึ้น ทำให้ความมั่นคงทางอาหารและชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ประชากรกลุ่มเหล่านี้ได้เรียกร้องให้นานาชาติรักษาระดับอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นไว้ที่ 1.5°C อย่างเป็นรูปธรรม ในขณะที่ปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็เกิดภัยสงครามขึ้นมาซ้ำเติม การยึดครองดินแดนและคว่ำบาตรระหว่างคู่สงครามและพันธมิตรของแต่ละฝ่ายทำให้เกิดการละเมิดสิทธิด้านการเข้าถึงอาหาร สุขภาวะ สันติภาพ อธิปไตย และสิ่งแวดล้อมที่สะดาดและยั่งยืน นอกจากนี้ รายงาน State of Food Security and Nutrition in the World (SOFI, 2022) ระบุว่าภัยธรรมชาติจากภาวะโลกร้อนทำให้จำนวนคนยากจนและเปราะบางเพิ่มสูงขึ้น

ในการประชุม UNFCCC, COPs, และ TNC แต่ละครั้ง ประเทศสมาชิกและองค์กรต่างๆมักเสนอแนวทางแก้ปัญหาด้วยวิธีการตลาด ปฏิเสธความรับผิดชอบของระบบทุนนิยมที่มีต่อภาวะโลกร้อน และชะลอการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม ถึงแม้ว่าธุรกิจอาหารในอเมริกาเหนือ ยุโรป และออสเตรเลียจะเป็นต้นเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 50% แต่ก็พยายามหลีกเลี่ยงการลดก๊าซโดยเสนอแนวทาง net zero ที่เป็นการแก้ปัญหาแบบปลอมๆแถมยังได้ยึดที่ทำกินจากชาวบ้านเข้ามาแทนที่อย่างไม่ละอาย แนวทางแก้ปัญหาอย่าง nature-based solutions” (NBS), REDD and REDD+, คาร์บอนเครดิต และวิธีการอื่นๆที่พึ่งพากลไกตลาดและเอื้อให้บริษัทเอกชนยึดทรัพยากรการเกษตรจากชาวบ้าน ชาวนา ชาวประมง ชนพื้นเมือง และกลุ่มเปราะบางต่อภาวะโลกร้อนอื่นๆมาไว้เป็นของตนเองด้วยการนำสิทธิบัตร เทคโนโลยีดิจิทัล และ climate-smart ต่างๆมาใช้เป็นเครื่องมือ และเมื่อ net zero ที่เป็นเรื่องหลอกลวงครั้งใหญ่ล้มเหลวในการแก้ปัญหาโลกร้อน (ซึ่งจะล้มเหลวแน่ๆ) บริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ต่างๆก็จะยก Geoengineering ขึ้นมาบังหน้าอีก เรื่อเหล่านี้กลายเป็นความปกติในการประชุม COP ทุกครั้ง และครั้งที่ 27 นี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรแตกต่าง

การประชุมที่อ้างชื่อ Africa’s COP ในปีนี้จัดขึ้น ณ สถานที่สำหรับชนชั้นสูงที่หรูหราอย่างรีสอร์ต Sharm el Sheikh ซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลจากชุมชนที่ได้รับผลกระทบ COP27 จึงเปิดโอกาสให้แก่องค์กรชุมชนเพื่อชี้แจงต่อภาคธุรกิจที่ทรงอิทธิพลเพียงเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เอง องค์กรพันธมิตรต่างๆของ Africa Climate Justice Collective (ACJC) และประชาชนชาวแอฟริกาจึงจัดการประชุม COP ขึ้นมาเองเพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาอย่างแท้จริงที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ climate justice และให้ความสำคัญกับผู้คนและสิ่งแวดล้อมมากกว่ากำไร และเป็นการประชุมที่เป็นอิสระจากอิทธิพลของเงินตรา การประชุม COP ภาคประชาชนนี้สอดคล้องกับคำประกาศของ UN Declaration on the Rights of Peasants and Other People Working in Rural Areas (UNDROP) ความว่า “รัฐต่างๆจะต้องดำเนินมาตรการทุกวิถีทางเพื่อให้ภาคเอกชนและองค์กรต่างๆเคารพต่อสิทธิมนุษยชนของชาวนาและแรงงานที่ทำงานในพื้นที่ชนบท และดำเนินการที่จำเป็นเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีความสุข ปลอดภัย สะอาด และมีสุขภาวะแก่ชาวนาและแรงงานเหล่านั้น”

คำประกาศนี้เองที่ทำให้ La Vía Campesina ตัดสินใจเข้าร่วม COP27 เช่นเดียวกับที่ผู้แทนจากองค์กรต่างๆจะเข้ามีส่วนร่วมเพื่อให้ความคิดเห็น ประเพณี ประสบการณ์ และภูมิปัญญาของพวกเขาไม่ถูกมองข้าม และเราจะโปรโมท ดำเนินการ และพัฒนาแนวคิดเรื่องอธิปไตยอาหารอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของชุมชนที่จะข้าถึงอาหารที่ถูกต้องตามความเชื่อและสุขอนามัยที่ผลิตจากกระบวนการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราจะเน้นย้ำแก่พวกเขาอีกครั้งว่าชาวนาที่ใช้วิถีเกษตรดั้งเดิม และวนเกษตรผลิตอาหารคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของปริมาณอาหารโลกจากพื้นที่เพาะปลูกเพียง 30% เราจะเน้นย้ำว่าวนเกษตรเป็นวิถีที่ยั่งยืนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมานับศตวรรษ เป็นวิทยาศาสตร์ และวิถีชีวิตของผู้คนนับล้านทั่วโลก เราจะนำเสนอ UNDROP ซึ่งเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่เราสร้างขึ้นเพื่อช่วยปกป้องสิทธิของชุมชนเหนือที่ดินทำกิน เมล็ดพันธุ์ และผืนป่าและเพื่อโปรโมทวิถีชีวิตที่มีความยั่งยืน เราจะยืนเคียงข้างผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิและเรียกร้องความรับผิดชอบจากรัฐที่เกี่ยวข้อง จะสนับสนุนการระดมทุนเพื่อแก้ไขปัญหาโลกร้อนที่เป็นอิสระจากองค์กรระหว่างประเทศอย่าง IMF หรือ World Bank และจะคัดค้านลัทธิเสรีนิยมใหม่ที่เอาแต่หาผลประโยชน์จากมนุษย์และสิ่งแวดล้อม เราจะยืนหยัดเคียงข้างและสนับสนุนการรณรงค์เพื่อ Climate Justice ไม่ใช่ Climate Finance ในการแก้ปัญหาโลกร้อน และประการสุดท้าย เราจะเข้าร่วม COP27 เพื่อสร้างความสามัคคี กลยุทธ์ และการดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกับองค์กรรากหญ้า พันธมิตร และองค์กรภาคประชาสังคมทั่วโลกเพื่อสร้างความเป็นธรรมทางภูมิอากาศ

ในขณะที่รัฐบาลของประเทศส่วนมากและสถาบันต่างๆล้มเหลวกับการนำกลไกตลาดมาใช้แก้ปัญหาโลกร้อน เราซึ่งเป็นตัวแทนของชาวนา แรงงาน ชนพื้นเมือง ราวไร่ ชาวประมง ผู้อพยพ สตรี เยาวชน และกลุ่มเพศต่างๆแห่ง La Via Campesina ขอประกาศว่าอธิปไตยทางอาหารคือการแก้ปัญหาโลกร้อน และเราจะสร้างอธิปไตยทางอาหารโดยใช้วิถีวนเกษตรและสิทธิของชาวนาเพื่อรับประกันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นภายใต้อำนาจของชุมชนเอง เพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และความสามัคคีในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และนานาชาติ ซึ่งจะนำเราไปสู่ชัยชนะในที่สุด


อ้างอิง : https://viacampesina.org/en/la-via-campesina-call-to-action-for-the-27th-un-climate-cop/?fbclid=IwAR193yz16MpgeFfLluhWwn7QpL8swsCgfwJBQejT2PRH3XbI6BAxpcOrNsU


Social Share