THAI CLIMATE JUSTICE for All

Social Share

เขียนโดย Larry Lohmann
วันที่ 5 พฤศจิกายน 2010
แปลและเรียบเรียงโดย ปิโยรส ปานยงค์
ภาพประกอบโดย https://www.canarahsbclife.com/blog/life-insurance/what-is-insurance
อ้างอิง https://rb.gy/nfwj6

(ต่อจากวันเสาร์ที่แล้ว)

ลักษณะประการที่สองของความละเลยที่เกิดขึ้นจากสินค้าแห่งความไม่แน่นอนแบบใหม่ๆได้แก่ส่วนของสินค้าที่เป็น ‘มูลค่าเพิ่ม’ ที่แยกผู้ซื้อออกจากสิทธิความเป็นเจ้าของ ตัวอย่างเช่นการจำนองบ้าน สิ่งที่เป็นหลักประกันถูกแยกออกจากบริบทหนึ่ง (เช่นชุดข้อมูลและปัจจัยที่คำนวณมูลค่าไม่ได้ที่มีค่าทางอัตลักษณ์ในสังคม) แล้วนำไปใส่ไว้ในอีกบริบทหนึ่ง (เช่นวิธีการชดเชยมูลค่าที่ออกแบบโดยบรรษัทเงินทุนข้ามชาติและเครือข่ายเรตติ้งเครดิตที่ช่วยสนับสนุนกันเอง) จากคำกล่าวของนาย Mervyn King ผู้ว่าการธนาคารแห่งอังกฤษว่า ‘คำพูดของข้าพเจ้าคือพันธกิจของข้าพเจ้า’ กลายมาเป็น ‘คำพูดของข้าพเจ้าคือตราสารนี้’ ในโลกของการแปลงความไม่แน่นอนให้เป็นสินค้า ห่วงโซ่แห่งคุณค่ายืดยาวขึ้นจนมีน้อยคนที่จะเข้าใจว่าการผิดนัดชำระหนี้ในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะส่งผลต่อสภาพคล่องของนักลงทุนได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม โมเดลที่ใช้สื่อสารสู่ลูกค้า รัฐบาล และสาธารณชนเป็นโมเดลที่แยกหลักประกันออกจากการตัดสินใจ การกู้ยืมเงินทุนสำรอง และอื่นๆที่ประกอบไปด้วยการปรับปรุงวัตถุประสงค์ในการบริหารความเสี่ยง ด้วยเครื่องมือเดียวกันนี้เอง สมการที่ใช้กำหนดราคา Options ช่วยทำให้เกิดความน่าสงสัยว่าการซื้อขายอนุพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการพนันนั้นลดลง ‘มันมิใช่การเก็งกำไรหรือการพนัน แต่เป็นการกำหนดราคาอย่างมีประสิทธิภาพ’ คำยืนยันดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญในการเทียบมูลค่าในภาคการเงินสมัยใหม่เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับมาตรฐานราคาอาหารโลกที่เกิดขึ้นเมื่อศตวรรษที่แล้ว แม้ในปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านทั้งซ้ายจัดและขวาจัดก็มักจะใช้คำอธิบายที่เรียบง่ายกับวิกฤติสินเชื่อตึงตัว (เช่นคำว่าละโมบ ขาดกฎหมายกำกับดูแล พลวัติภายในระบบทุน หรือออกเงินกู้ในยุคอสังหาริมทรัพย์บูมมากเกินไป) มากกว่าที่จะตั้งคำถามต่อกระบวนการที่สร้างนวัตกรรมทางการเงิน

ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ

ในความเป็นจริงนั้น อนุพันธ์แบบใหม่มีความเสี่ยงสูงกว่าการพนันหรือประกันภัยแบบเก่ามาก โมเดลใหม่และสถาบันต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอนุพันธ์มิได้เป็นตัวแทนของสถาบันที่ตรวจสอบความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการพนันแบบเก่าหรือให้บริบททางสังคมแก่ประกันภัยแบบเก่า ในการหาประโยชน์จากความถูกต้องตามศีลธรรมและกฎหมายเป็นข้ออ้างที่จะไม่แตะต้องกิจกรรมที่มีความเสี่ยงที่น้อยกว่าอย่างการพนัน โมเดลดังกล่าวช่วยขยายการพนันไปในวงกว้างสู่พื้นที่ที่มิได้เตรียมการเพื่อควบคุมความเสี่ยงที่จะตามมา ทำให้เกิดอันตรายที่ผู้มีส่วนได้เสียไม่คุ้นเคยมาก่อน โดยเข้าใจผิดคิดว่ากิจกรรมทางการเงินสมัยใหม่ในปัจจุบันเป็น “บ่อนพนันแห่งทุนนิยม” ที่เป็นอันตรายมากเสียจนไม่มีบ่อนพนันใดรับพนัน ยกตัวอย่างเช่น ต่างจากเจ้าของบ่อนที่ที่สามารถสร้างโลกปลอดเชื้อเสมือนจริงที่รับประกันว่าบ่อนจะชนะเสมอ นักเทรดที่ใช้โมเดลความสัมพันธ์ของ Li พบว่าโลกของตนถูกปนเปื้อนโดยความไม่แน่นอนและความเสี่ยงใหม่ๆที่เกิดจากตัวโมเดลเองอยู่เสมอ :

‘ยิ่งธนาคารพึ่งพาแนวทางของ Gaussian Copula มากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงจากความสัมพันธ์ที่สูงขึ้นเท่านั้นเพราะทุกคนใช้วิธีการทางสถิติเดียวกันในการบรรจุเอาความเสี่ยงไว้ในตราสารหนี้ ในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เป็นมิตร ผู้ถือตราสารหนี้เหล่านี้จะประสบภาวะขาดทุนอย่างมหาศาลในคราวเดียว’

การเทรดที่ใช้โมเดลก่อให้เกิดแรงต้านจากตลาดและความพยายามในการจัดระเบียบตลาดที่ไร้ระเบียบ ช่วยให้เกิดสถานการณ์ที่โมเดลทำนายไว้เพียงหนึ่งครั้งในหนึ่งล้านปี แทนที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนมีความปลอดภัยมากขึ้น ความเสี่ยงในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศหรืออัตราดอกเบี้ยเป็นการ ‘เปลี่ยนความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำทุกวันให้เป็นความเสี่ยงแบบใหม่ที่ร้ายแรงกว่าเดิม และทำให้ผู้เอาประกันล้มละลาย’

ด้วยเครื่องมือเดียวกันนั้นเอง ประกันที่มีประสิทธิภาพควรจะประกอบไปด้วยสินค้าแห่งความไม่แน่นอนที่มีสภาพคล่องสูงที่ต่างจากประกันภัย และสร้างให้เกิดความเสี่ยงแทนที่จะป้องกันความเสี่ยง ตามที่นาย John Meriwether นักเทรดระดับตำนานที่เคยมีประสบการณ์กับบริษัท Long Term Capital Management ที่ล้มละลายไปแล้วได้กล่าวไว้ว่า ในขณะที่กรมธรรม์ประกันภัยควรส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์ที่ทำประกันไว้นั้น :

‘เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงในตลาดการเงิน ยิ่งมีผู้คนจำนวนมากเท่าไรที่ทำประกันด้านการเงิน หายนะยิ่งมีโอกาสเกิดมากขึ้นเพราะคนที่รู้ว่าคุณขายประกันสามารถก่อให้เกิดหายนะขึ้นได้’

โดยนัยเดียวกัน บริษัทประกัน American International Group (AIG) เรียกตัวเองว่าเป็นบริษัทประกันเมื่อเริ่มเสนอประกันอสังหาริมทรัพย์และนำบ้านเหล่านี้ไปจำนองเพื่อขายอนุพันธ์ในช่วงปี 1990 เป็นมูลค่านับพันล้านดอลล่าร์เพื่อการันตีการชำระหนี้ในตราสารที่ออกโดยสถาบันการเงินอย่าง Merrill Lynch ซึ่งจริงๆแล้วด้วยการใช้เครื่องมือที่สื่อมวลชนด้านการเงินอย่างนาย Matthew Philips เรียกว่า ‘วิธีการทางประกันสมัยเก่าสู่ตลาดตราสารอนุพันธ์’ จึงหมายความว่าAIG ได้ก้าวออกไปสู่โลกที่ไม่คุ้นเคยนอกขอบเขตของธุรกิจประกัน :

‘ไม่มีความสันพันธ์ระหว่างกันในการประกันสมัยเก่า ถ้าเพื่อนบ้านของคุณเอารถไปชน ความเสี่ยงแบบเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องเกิดกับคุณ แต่ถ้าเป็นพันธบัตร มันจะเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ไปเพิ่มความเสี่ยงของผู้อื่น นักลงทุนเริ่มขายหลักประกันทิ้ง ตลาดปั่นป่วน และสถาบันการเงินก็จะดึงเครดิตคืน’ การซื้อขายหุ้นโดยกองทุนบริหารความเสี่ยงก็เช่นกันที่เป็นสิ่งที่พัฒนามาไกลกว่าจุดเริ่มต้น ที่ผู้ที่คิดค้นมันขึ้นมาจะคาดไปถึงได้ กล่าวคือกรมธรรม์ที่ประกันต้นทุนการผลิต ตามที่นาย Nick Hildyard ลูกค้าของกองทุนบริหารความเสี่ยงต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่ากิจการปกติทั่วไปในตลาดหุ้น โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ร้อยละ 15-20 ซึ่งไม่สัมพันธ์กับความเคลื่อนไหวของหุ้นในตลาด การที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้จะต้องพนันกับการขึ้นและลงของราคาสินทรัพย์’ เป้าหมายของของกองทุนบริหารความเสี่ยงจึงมิใช่เป็นไปเพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดที่ถดถอยอีกต่อไป (อ่านต่อวันพฤหัสบดี)


Social Share