THAI CLIMATE JUSTICE for All

Social Share

เขียนโดย TIES GIJZEL
วันที่ 14 มีนาคม 2024
แปลและเรียบเรียงโดย ปิโยรส ปานยงค์

ในเดือนพฤษภาคมปี 2023 นาย Frederic Hache อดีตนักการธนาคารเพื่อการลงทุนได้กล่าวเตือนในรัฐสภาแห่งประชาคมยุโรปที่กรุงบรัสเซลล์ว่าความนิยมในการนำเอาความหลากหลายทางชีวภาพมาเป็นเครดิตเพื่อทดแทนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นนี้จะนำไปสู่การทำกำไรมากกว่าแก้ปัญหาโลกร้อน และสุดท้ายระบบนี้ก็จะพังทลายเช่นเดียวกับที่ Bitcoin เคยประสบมา

หลายปีที่ผ่านมา นาย Frederic Hache เคยออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆที่มีความซับซ้อนสูงให้แก่สถาบันการเงินอย่าง Credit Suisse และ BNP Paribas เพื่อล่อใจนักลงทุนด้วยคำสัญญาถึงการทำกำไรมหาศาลแบบง่ายๆ แต่ในปัจจุบันเขาได้ผันตัวมาก่อตั้งคลังสมองเพื่อ Green Finance และเป็นวิทยากรด้านการเงินที่ยั่งยืนอยู่ที่สถาบัน Paris Institute for Political Studies และได้เตือนสังคมถึงอันตรายของผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งหลายที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพที่ทำให้บริษัทที่ทำลายสิ่งแวดล้อมสามารถชดเชยการกระทำดังกล่าวได้ด้วยการอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตบางประเภทในระบบนิเวศ

“สำหรับภาคการเงินแล้ว นี่คือแจ็คพ็อตชัดชัด” นาย Frederic Hache ให้สัมภาษณ์แก่ Follow the Money “นอกจากนี้มันยังเป็นการซื้อขายแบบทางเดียวอีกด้วย เพราะรัฐบาลจะบังคับให้บริษัทต่างๆซื้อเครดิต ทำให้ผู้ขายไม่มีวันขาดทุน ยิ่งมีปริมาณการซื้อขายมากมูลค่าเครดิตยิ่งสูง นี่คือ Bitcoin แบบใหม่นั่นเอง”

จากการประมาณการของ World Wildlife Fund ตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา ประชากรสัตว์ป่าลดลงกว่าสองในสาม และมีอย่างน้อยกว่าล้านสปีชีส์ใกล้จะสูญพันธุ์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ และเมื่อระบบนิเวศกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการล่มสลายเช่นนี้ นักวิชาการหลายรายออกมาทำนายว่าตลาดการเงินจะเดินหน้าสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อการนี้ก็จะบูมภายในสิบปีข้างหน้า แต่ก็เตือนว่าการแปลงสิ่งที่มีความซับซ้อนสูงอย่างความหลากหลายทางชีวภาพให้เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงใหม่ๆขึ้น

“เศรษฐกิจกระแสหลัก”

เครดิตความหลากหลายทางชีวภาพเป็นสินค้าที่สามารถซื้อขายได้ และสร้างมูลค่าของเครดิตขึ้นมาจากการอนุรักษ์พันธุ์พืชหรือสัตว์ในพื้นที่หนึ่งๆ ซึ่งส่วนมากเป็นการอนุรักษ์พันธุ์พืชหรือสัตว์ที่ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างป่าโกงกางและโคอาล่า ตามลำดับ

บรรดาภาคธุรกิจต่างก็ลงทุนในโครงการที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่สงวนแลกกับเครดิตที่สามารถใช้ชดเชยการปล่อยคาร์บอนของตนเองหรือธรรมชาติที่ถูกทำลายจากการดำเนินธุรกิจ ซึ่งสามารถทำได้โดยซื้อเครดิตหรือลงทุนในโครงการโดยตรง และนำมาชดเชยกิจกรรมที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งๆด้วยการอนุรักษ์พันธุ์พืชหรือสัตว์อื่นในอีกพื้นที่หนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นผู้รับเหมาก่อสร้างสนามบินในสเปนอาจชดเชยการทำร้ายฝูงฟลามิงโกท้องถิ่นด้วยการลงทุนในโครงการอนุรักษ์ที่อยู่อาศัยของค้างคาวในกรีซหรือป่าไม้ในโรมาเนีย อย่างไรก็ตาม “เรารู้กันดีว่าจำนวนค้างคาวที่เพิ่มมาขึ้นในกรีซไม่ได้ทำให้นกฟลามิงโกในสเปนที่สูญเสียไปกลับคืนมา” นาย Frederic Hache ว่า

ในปัจจุบัน ตลาดเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพยังมีขนาดเล็กมาก กล่าวคือมีมูลค่าเพียงไม่กี่ล้านยูโรเท่านั้น แต่จากรายงานของ World Economic Forum ฉบับปี 2023 พยากรณ์ว่าตลาดจะเติบโตขึ้นจนถึง 2 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯภายในปี 2030 และ 7 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯภายในปี 2050 ตามลำดับ แม้ว่าจะมีอัตราการเติบโตที่สูงเช่นนี้ ตลาดก็ยังมีผลต่อการฟื้นฟูการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่น้อยมากหรือคิดเป็นต้นทุนประมาณ 1.7-3.9 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯต่อปีตามการประมาณการของธนาคารกลางแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ “นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแค่การอาบป่าแล้ว แต่มันคือเศรษฐกิจกระแสหลัก” ธนาคารกลางแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ประกาศ

ความหวังที่จะพึ่งพาความหลากหลายทางชีวภาพ

รัฐบาลของประเทศต่างๆทั่วโลกกำลังมีความหวังว่าความหลากหลายทางชีวภาพจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้ประเทศบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ ในปีนี้สหราชอาณาจักรประกาศใช้กฎหมายที่บังคับให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพขึ้นร้อยละ 10 เพื่อชดเชยการขึ้นโครงการใหม่โครงการหนึ่ง ซึ่งอาจทำได้ด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพด้วยตนเองหรือซื้อเครดิตจากโครงการอนุรักษ์หรือที่เรียกว่าธนาคารสิ่งแวดล้อมหรือ Habitat Banks

ส่วนฝรั่งเศสก็มีแนวโน้มที่คล้ายคลึงกัน โดยรัฐบาลได้ลงทุนเป็นเงินมูลค่า 50 ล้านยูโรในกองทุนที่มีเป้าหมายเพื่อหยุดการตัดไม้ทำลายป่าในประเทศกาบองเพื่อผลิตเครดิต “เราคาดหวังให้มีบริษัทจำนวนหนึ่งมาซื้อเครดิตเหล่านี้เพื่อนำไปใช้ในเรื่อง Corporate Social Responsibility” ประธานาธิบดีมาครงปราศัยในที่ประชุมสุดยอดในเมือง Libreville ในเดือนมีนาคม

ในออสเตรเลียตะวันออกใกล้หาด Byron Bay รัฐบาลของรัฐนิวเซาธ์เวลส์ได้ริเริ่มโครงการผลิตเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อเพิ่มจำนวนประชากรหมีโคอาล่าที่ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากถูกรุกรานถิ่นที่อยู่ โดยชาวนาจะได้รับต้นไม้จากรัฐบาลเพื่อนำไปปลูกและหวังว่าต้นไม้จะดูดซับคาร์บอนและเป็นที่อยู่ของหมีโคอาล่า เพื่อรับเครดิตที่จะนำไปขายให้ภาคธุรกิจต่อไป

“ตามกระแส”

แม้ว่าตลาดแห่งความหลากหลายทางชีวภาพยังมีขนาดเล็ก แต่ธนาคารและภาคธุรกิจก็เริ่มหันไปพึ่งเครดิตเหล่านี้โดยหวังว่าจะทำให้บริษัทมีภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี “บริษัทเหล่านี้กำลังเผชิญแรงกดดันจากนักลงทุน รัฐบาล และผู้บริโภคให้เปลี่ยนแปลง” นาย Michael Burgass ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Biodiversify ที่ให้คำปรึกษาด้านตลาดเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพให้สัมภาษณ์ “ความหลากหลายทางชีวภาพทวีความสำคัญยิ่งขึ้นทุกที และเราก็จะตามกระแสนี้ไปอย่างแน่นอน”

ธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ๆอย่าง JP Morgan Chase, Lloyds Banking Group, และ UBS Group ก็ได้เริ่มจ้างบุคลากรด้านความหลากหลายทางชีวภาพแล้ว ส่วน Mirova ธนาคารเพื่อการลงทุนของฝรั่งเศสก็ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท Terrassos ที่ผลิตเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพด้วยการฟื้นฟูป่าโกงกางในบราซิล อินเดีย ศรีลังกา และบังคลาเทศและขายเครดิตให้แก่ลูกค้าอย่าง L’Oréal ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ลงทุนในความหลากหลายทางชีวภาพไปกว่า 50 ล้านยูโรในปี 2020 ส่วนบริษัทบริหารสินทรัพย์สัญชาติอังกฤษอย่าง Gresham House และบริษัทประกันภัย Willis Towers Watson (WTW) ก็ได้จับมือกันลงทุนในโครงการผลิตเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพในธนาคารสิ่งแวดล้อมหรือ Habitat Banks บนพื้นที่ 50 ตารางกิโลเมตร

“เรามองเห็นดีมานด์ในการลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมแบบใหม่นี้อย่างชัดเจน” นาย So Yeun Lim จาก WTW ให้สัมภาษณ์แก่ Bloomberg

“สินทรัพย์แบบใหม่”

ในขณะที่นักลงทุนต่างก็ให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบใหม่นี้อย่างล้นหลาม ผู้เชี่ยวชาญต่างก็ออกมาเตือนว่าเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพนี้อาจกลายเป็นเครื่องมือเพื่อการฟอกเขียวแบบใหม่ที่ทำให้ภาคธุรกิจ รัฐบาล หรือแม้แต่สินค้าดูเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าความเป็นจริง เนื่องจากเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพทำให้บริษัทสามารถปล่อยมลภาวะต่อไปในขณะที่สร้างภาพเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการลงทุนเพื่อการอนุรักษ์ในพื้นที่อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาครัฐที่จะชักชวนนักลงทุนมาลงทุนในโครงการผลิตเครดิตเหล่านี้แทนที่จะผลักดันนโยบายเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

“ทำไมนักการเมืองจึงชอบทางเลือกนี้?” นาย Frederic Hache ตั้งคำถาม “ก็เพราะว่ามันเป็นทางเลือกที่ win-win ที่ทำให้ภาคธุรกิจสามารถปล่อยมลภาวะต่อไปในขณะที่เกิดสินทรัพย์แบบใหม่มาขายในตลาดได้อีกด้วย”

นอกจากนี้นักอนุรักษ์ยังตั้งคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครดิตในการปกป้องระบบนิเวศที่มีความซับซ้อนสูง นาย Marijn Nijssen นักสิ่งแวดล้อมชาวเนเธอร์แลนด์ที่ดำเนินโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในยุโรปตอนเหนือกับมูลนิธิ Bargerveen Foundation กล่าวว่าเครดิตเหล่านี้มีผลร้ายมากกว่าผลดี

“การวัดค่าความหลากหลายทางชีวภาพนั้นยากกว่าการวัดปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่า และก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะกำหนดมูลค่าความหลากหลายทางชีวภาพเป็นตัวเงิน เพราะเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าระบบนิเวศหนึ่งที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงกว่าจะมีมูลค่าเงินตราสูงกว่าอีกระบบนิเวศหนึ่งที่มีความหลากหลายทางชีวภาพที่ต่ำกว่า? เราต้องการทั้งสองระบบ” เขากล่าว “การฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากจนอาจทำให้คุณเบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์เดิมได้ง่ายๆ”

แม้ว่าตลาดเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพจะยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ผลการศึกษาประเมินโครงการผลิตเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลียพบปัญหาด้านประสิทธิภาพที่เกิดจากจำนวนที่ผลิตได้ต่ำ การกำกับดูแลที่ไม่เข้มงวด และการดำเนินโครงการที่ไร้ประสิทธิภาพ ในจำนวน 32 โครงการที่สุ่มเลือกมาจากโครงการทั่วโลก คิดเป็นพื้นที่ 3,000 ตารางกิโลเมตร มีเพียงหนึ่งในสามที่บรรลุเป้าหมาย

นอกจากนี้การอนุรักษ์ที่มุ่งเน้นปกป้องสปีชีส์ใดสปีชีส์หนึ่งเพียงสปีชีส์เดียวมักก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบนิเวศโดยรวมมากกว่าผลดี ยกตัวอย่างเช่นเครดิตหมีโคอาล่า “การนับเครดิตหมีโคอาล่านั้นมันง่ายเกินไป โครงการที่ดีจะต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหาอย่างถูกต้อง ได้แก่การตั้งคำถามต่อปัจจัยที่ขัดขวางการทำงานของระบบนิเวศว่าคืออะไร และเราจะขจัดปัจจัยเหล่านั้นได้อย่างไร ถ้าเราตอบง่ายๆเพียงแค่ปลูกต้นไม้ให้หมีโคอาล่าอยู่อาศัย ระบบนิเวศส่วนที่เหลือก็จะพังทลาย” นาย Marijn Nijssen อธิบาย

“ความผิดพลาดแบบเดิมๆ”

เครดิตความหลากหลายทางชีวภาพนั้นมีความพร้อมเมื่อเทียบกับคาร์บอนเครดิตที่ลูกค้าอย่าง Gucci และ Volkswagen ซื้อไปชดเชยกิจกรรมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของตน อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจโดยนักวิชาการและสื่อมวลชนพบว่าโครงการผลิตคาร์บอนเครดิตเหล่านี้โฆษณาเกินจริงไปมากเพราะขาดการกำกับดูแลโดยองค์กรอิสระ ยกตัวอย่างเช่นโครงการ South Pole ที่ถูกเราตรวจสอบในปี 2023

ตัวอย่างความล้มเหลวเหล่านี้ทำให้นาย Frederic Hache จึงประกาศในที่ประชุมสภาของประชาคมยุโรปว่าการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนั้นเป็นเพียงประเด็นทางการเมืองและการแสวงหาผลประโยชน์ “แทนที่จะใช้กลไกตลาดเข้ามาแก้ปัญหา คุณก็แค่ออกกฎหมายคุ้มครองสิ่งแวดล้อม มิฉะนั้นเราก็จะซ้ำรอยความผิดพลาดแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับคาร์บอนเครดิต ซึ่งเรายอมให้เกิดขึ้นไม่ได้”


อ้างอิง : Koala credits: investors put price tags on biodiversity


Social Share