THAI CLIMATE JUSTICE for All

แนวคิด Net Zero กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก (ตอนที่ 1)

เขียนโดย    James Murray
วันที่   10 พฤษภาคม 2564
แปลและเรียบเรียงโดย    ปิโยรส ปานยงค์

ในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา ประชาคมโลกได้ผลักดันแนวคิด Net Zero ออกมาใช้กันอย่างแพร่หลาย รัฐบาลของประเทศต่างๆได้ตั้งเป้า Net Zero ในระยะยาว จนปัจจุบันประเทศต่างๆที่มี GDP รวมกันเป็นสัดส่วนสองในสามของโลกมีเป้าหมายเดียวกันในเรื่อง Net Zero และภาคธุรกิจก็เจริญรอยตามรัฐบาลของตน ซึ่งมีจำนวนถึง 2,100 บริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินตามเป้าหมาย Net Zero ที่สหประชาชาติกำหนดขึ้น ในขณะที่เจ้าของกิจการต่างๆที่มีมูลค่าทางธุรกิจรวมกันถึงเป็นล้านล้านดอลล่าร์ได้ให้คำปฏิญาณว่าจะบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 เป็นอย่างช้า

เป้าหมายนี้ทำให้เกิดการลงทุนคิดเป็นมูลค่าหลายล้านดอลล่าร์ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ และในภาคส่วนอื่นๆแทบทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา นิติบัญญัติ นักลงทุน นักการเมือง และนักธุรกิจที่กำลังพยายามแปลงเป้าหมาย Net Zero ระยะยาวให้เป็นกลยุทธ์ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกระยะสั้นที่สามารถทำได้ในทางปฏิบัติ ในเวลาที่คนกำลังหวั่นเกรงภัยพิบัติจากภาวะโลกร้อน นุกธุรกิจเหล่านี้กำลังยินดีที่เชื่อว่างานของตนมีส่วนช่วยลดต้นทุนพลังงานสะอาด ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยที่ไม่กระทบต่อ GDP โลกได้

ช่วงเวลา 6 ปีนับจากข้อตกลงปารีส ส่วนผสมของเป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียสและคำมั่นว่าจะรักษาสมดุลระหว่างปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปลดปล่อยจากกิจกรรมของมนุษย์และการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศโลกภายในปี 2050 เป็นการก่อกระแสธุรกิจที่รวดเร็วและเกิดผลกระทบในวงกว้างมากที่สุดนับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม หรือในหลายๆแง่มุม เป็นการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้ผลสูงสุดในประวัติศาสตร์ แต่ ณ วันนี้ แนวคิด Net Zero กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มคนที่ไม่เชื่อถือ โดยอ้างว่าแนวคิด Net Zero ก่อให้เกิดต้นทุนที่สูงและเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ นอกจากนี้กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางความคิดในเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างนักรณรงค์และนักวิทยาศาสตร์ก็ออกมาสนับนุนความเห็นดังกล่าวด้วยเช่นกัน

ความพยายามและอุปสรรค

ดูเหมือนว่าแนวคิด Net Zero กำลังถูกท้าทายอย่างหนักบนสื่อสังคมออนไลน์ ว่า Net Zero ไม่ใช่ความปลอดคาร์บอนจริงๆ และเป้าหมาย Net Zero ก็ไร้ความหมาย และสิ่งที่โลกต้องการจริงๆโดยเร่งด่วนนั้นคือ Real Zero หรือหยุดการปล่อยก๊าซจริงๆ คำวิจารณ์นี้ได้ถูกนำมาขยายต่อในวงกว้างโดยนักรณรงค์วัยรุ่น Greta Thunberg ผู้ใช้ Twitter Platform ของตัวเองที่มีผู้ติดตามนับล้านเตือนสังคมว่าเป้าหมาย Net Zero ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าข้อแก้ตัวที่จะไม่ทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ เธอกล่าวว่าถึงแม้เราจำเป็นที่จะสร้างสมดุลให้แก่การปลดปล่อยก๊าซจากภาคที่จำเป็นเช่นการเกษตร แต่เป้าหมาย Net Zero ที่ดูห่างไกลก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่เป็นเรื่องของกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์และทำให้ดูเหมือนว่ากำลังแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลยก็ได้ ความกังวลของผู้คนจำนวนมากได้เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่บรรดาวารสารสิ่งแวดล้อมชั้นนำของยุโรปกล่าวประณามแนวคิด Net Zero ว่าเป็นความเพ้อฝันและไม่สามารถรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกินกว่า 1.5C ได้เนื่องจากไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการนั้น กลุ่มที่ต่อต้าน Net Zero ได้ตั้งคำถามถึงความถูกต้องในหลักการกำหนดเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซและประสิทธิภาพในทางปฏิบัติ และเชื่อว่าเป้าหมายที่จะลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกนั้นจะไร้ผล

ทำไมจึงต้องเป็นตอนนี้?

ทำไมแนวคิด Net Zero จึงเพิ่งมาถูกต่อต้านตอนนี้ทั้งที่เคยเป็นความหวังที่จะใช้กำหนดกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำหรับประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจทั้งหลาย? และมันเป็นเรื่องสำคัญหรือไม่? ข้อวิจารณ์ต่างๆจะเป็นคำติเพื่อก่อจะถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงแนวคิดและการดำเนินการให้ดีขึ้นหรือไม่? หรือจะเป็นจุดจบของแนวคิดที่รัฐบาลและภาคธุรกิจนำมาใช้กำหนดแนวทางปฏิบัติในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปัจจุบัน?

อันดับแรกที่ต้องพิจารณาคือเหตุผลที่นำมาใช้โต้แย้งแนวคิด Net Zero นั้นเป็นเหตุผลที่ถูกต้อง ในเชิงทฤษฎีนั้น ไม่มีสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับแนวคิด Net Zero ซึ่งมีเป้าหมายที่จะสร้างสมดุลระหว่างการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศและเทคโนโลยีที่ใช้ในการกำจัดมัน แต่เตือนว่าการนำแนวคิดมาปฏิบัติจะต้องใช้เทคโนโลยี ทุน และที่ดินจำนวนมหาศาลในการสร้างสาธารณูปโภคที่เหมาะสม ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายเช่นนั้นได้จะต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมถ่านหิน ดังนั้น Net Zero โดยตัวของมันเองแล้วจึงขัดแย้งกับวัตถุประสงค์ข้อสำคัญที่กล่าวว่า “เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วน”

เราอาจโต้แย้งความเชื่อที่ว่าแนวคิด Net Zero ซึ่งทำให้เกิดการ “ปล่อยก๊าซวันนี้ จ่ายค่าชดเชยทีหลัง” นั้นทำให้การปล่อยก๊าซยังคงดำเนินต่อไป และเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่าง biomass ที่ดักจับและเก็บคาร์บอน การดักจับคาร์บอนในอากาศ แนวทางแก้ปัญหาตามธรรมชาติ และวิศวกรรมระบบนิเวศน์นั้นอาจถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างเพื่อสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชนที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานถ่านหินต่อไป เราอาจไม่ยอมรับว่าแนวคิด Net Zero นั้นถูกออกแบบมาเพื่อช่วยภาคธุรกิจในเรื่องสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้น และเผยแพร่แนวคิดที่ว่านโยบายนี้ถูกออกแบบมาอย่างไม่ตรงต่อปัญหาและไม่ได้บังคับใช้อย่างจริงจังกันต่อไป เป็นไปได้ที่ว่าสิ่งที่เกรตา ทุนแบร์กโจมตีเกี่ยวกับเป้าหมาย Net Zero นั้นอาจเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีหากแก้ไขไม่ถูกจุด และคิดว่าเกรตาคือนักรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดที่ถือเอารัฐบาลและภาคเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบในการทำลายสิ่งแวดล้อม

อุปสรรคของการปลูกต้นไม้ทดแทนและใช้เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนในอากาศ

บทวิเคราะห์โดย Carbon Tracker และ CDP ย้ำว่าเป้าหมาย Net Zero ต่างๆที่ใช้กันอยู่นั้นมีจุดบกพร่องและขาดการสนับสนุนจากกลยุทธ์ที่เชื่อถือได้ในการทดแทนการใช้พลังงานถ่านหินด้วยพลังงานทางเลือกอย่างทันเวลา ความบกพร่องเช่นนี้เกิดขึ้นจากความไม่สามารถที่จะกำหนดได้ว่า Net Zero ต้องประกอบด้วยปัจจัยอะไรบ้างเป็นมาตรฐาน ทำให้ภาคธุรกิจที่มีทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับพลังงานถ่านหินสามารถเรียกตัวเองได้ว่าธุรกิจ Net Zero ตราบใดก็ตามที่ยังมีการลงทุนเพียงเสี้ยวส่วนเดียวในพลังงานทางเลือก

สำหรับประเด็นเรื่อง Net Zero ในระดับชาตินั้น เราจะหาประเทศที่มีการนำเอาแนวคิด Net Zero มาปฏิบัติอย่างครบถ้วนถูกต้องได้ยากเต็มที สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่กำหนดเป้า Net Zero และสามารถลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างน่าประทับใจ ดังนั้นนานาประเทศจึงนำเอามาใช้เป็นตัวอย่างในการกำหนดเป้าหมายระยะกลางที่ค่อนข้างสูง ถึงกระนั้นรัฐบาลอังกฤษยังคงสร้างความสับสนในการทำทั้งสนับสนุนจากบริษัทพลังงานทางเลือก แทนที่รถยนต์ส่วนบุคคลด้วยรถไฟฟ้า แต่ยังมีแผนที่จะทำเหมืองถ่านหิน และไม่ยอมเลิกการสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลเหนือ

ความสับสนเช่นนี้ทำให้ความหวั่นเกรงของเกรตา ทุนแบร์กที่ประเทศต่างๆใช้เรื่อง Net Zero มาบังหน้าและลงทุนในภาคพลังงานถ่านหินต่อไปนั้นเป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องการลดผลกระทบของภาคอุตสาหกรรมที่มีต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้างโดยการปลูกต้นไม้ทดแทนและใช้เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนในอากาศจะพบอุปสรรคใหญ่หลวงด้านเทคนิค ทุน และการเมือง

สิ่งเหล่านี้คือจุดอ่อนของโมเดลการลดการปลดปล่อยก๊าซในระดับรัฐและองค์กร และการหลีกเลี่ยงความจริงที่ว่ากลยุทธ์ลดการปลดปล่อยก๊าซมีความเสี่ยงสูงที่จะล้มเหลว ผนวกกับข้อมูลที่ชี้ว่าปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกกำลังกลับไปสู่ภาวะปกติก่อนการระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้การบรรลุเป้าหมายข้อตกลงปารีสนั้นยากขึ้นไปอีก

ระบบเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันเปรียบได้กับคนอ้วนที่ซื้อขนมมากินเพิ่มเพราะเพิ่งได้อ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับผลการทดลองยาลดความอ้วนที่มีประสิทธิภาพเพียงเล็กน้อย


ภาพโดย ShutterStock
อ้างอิง https://www.greenbiz.com/article/net-zero-faces-fierce-criticism

Scroll to Top