ภาพรวมจาก 3 กรณีศึกษา โดย ดร. เอนก นาคะบุตร
บทสังเคราะห์ภาพรวม

- ความร่วมมือระหว่างประชาชนในเขตป่าชุมชนกับหน่วยงานของรัฐ เช่น กรมป่าไม้ ล้วนสร้างมิติใหม่
ของ “คุณค่าร่วม” หรือ “จิตส านึกร่วม” ระหว่างประชาชนรอบป่า และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งต่างเห็น
พ้องกันที่จะมุ่งไปสู่ “ความยั่งยืน” ทั้งของระบบภูมินิเวศน์ย่อย (landscape) ตลอดจนความมั่นคง
และความผาสุกของประชาชนรอบป่าที่เห็นพ้องกัน - คุณค่ารวมและวิสัยทัศน์ร่วมของประชาชนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต่างมองภาพรวมที่จะป้องกันฟื้นฟู
และใช้ประโยชน์ทั้งที่ดินทากิน ทั้งแหล่งน้า ทั้งป่าของรัฐ ป่าชุมชนของชาวบ้าน ตลอดจนความ
หลากหลายทางชีวภาพของสัตว์และพืชต่างๆ โดยไม่ได้แบ่งขอบเขตอย่างตายตัวตามอานาจของ
กฎหมาย หรือของหน่วยงานเป็นหลัก แต่มุ่งเพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งของรัฐและของชุมชนร่วมกันโดย
ข้ามขอบเขตอานาจกฎหมาย (transboundary) - การจัดการร่วมกันในมิติใหม่ (Co – management) ได้พัฒนาเข้าไปสู่นามธรรมของการแบ่งปันและ
ร่วมมือ (partnership) โดยต่างช่วยลดจุดอ่อน ตลอดจนสนับสนุนให้ทั้งรัฐและชุมชน สร้างความ
เข้มแข็งแต่ละฝ่าย เปิดเขตแดนของแต่ละคน ร่วมงบประมาณ และร่วมแรงร่วมใจ จนถึงการร่วม
ประโยชน์ของผลที่เกิดขึ้นทั้งในป่าของรัฐ และในเขตป่าของชุมชน ไปจนถึงการเป็นหุ้นส่วนในการ
จัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ชุมชน ในทั้งสองเขตป่า
- มิติใหม่ของการอนุรักษ์และพัฒนา ชุมชนร่วมกันจึงมุ่งไปสู่ “ความมั่นคงของวิถีชีวิตชุมชน” ทั้งการมี
ความมั่นคงในที่ดินทากินในป่าชุมชนและอาณาบริเวณป่าของรัฐ ทางด้านอาหาร อาณาบริเวณการ
พักผ่อนหย่อนใจ การท่องเที่ยวชุมชน ตลอดจนสร้างความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน เช่น
การดูแลไฟป่า และจัดการแหล่งน้าให้มีตลอดปี และสร้างรายได้ทั้งปี จากการจัดการท่องเที่ยวเชิง
นิเวศน์ร่วมกัน