THAI CLIMATE JUSTICE for All

Social Share

โดย ดร.กฤษฎา บุญชัย

ซีรีส์เรื่องสะท้อนปัญหาเศรษฐศาสตร์การเมืองของโลกและไทยต่อการกำหนดนโยบายเผชิญหายนะสิ่งแวดล้อม อย่างเรื่องโลกร้อนเป็นอย่างดี ถึงที่สุดแล้วมันคือปัญหาของระบบทุน+อำนาจนิยมที่ทำให้โลกอาจไม่รอดจากวิกฤติโลกร้อน

เริ่มต้นด้วยรัฐบาลญี่ปุ่นต้องการช่วงชิงเป็นผู้นำโลกในการแก้ปัญหาโลกร้อนด้วยทุน เทคโนโลยี จากการขุดพลังงานใต้ทะเลที่จะไม่ปล่อยคาร์บอนมาแทนที่พลังงานฟอสซิล ด้วยความฝันว่าพลังงานใหม่จะทำให้ทุนนิยมญี่ปุ่นกลับมารุ่งเรือง

หากเทียบกับสถานการณ์จริงก็เหมือนกับกลุ่มทุนทั้งหลายที่ยังมุ่งเติบโตเศรษฐกิจต่อไป โลกร้อนแก้ได้ด้วยการเปลี่ยนพลังงาน และเทคโนโลยี เช่น การดักจับคาร์บอน การอัดคาร์บอนลงหลุมขุดเจาะน้ำมัน วิศวภูมิศาสตร์แสงอาทิตย์

หากแต่การใช้เทคโนโลยีโดยไม่ยั้งคิด การขุดเจาะพลังงานชนิดใหม่กำลังกระตุ้นให้รอยเลื่อนเปลือกโลกใต้ทะเลไถลออกไปอันมีสาเหตุหลักจากภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้นจนหายนะอย่างคาดไม่ถึง

มีนักวิทยาศาสตร์ที่ดูเพี้ยนๆ และสังคมสงสัยในเบื้องหน้าเบื้องหลังได้พบสัญญาณผิดปกติจนทำนายว่าดินแดนคันโต ซึ่งเป็นแดนชายทะเลสำคัญครอบคลุมถึงโตเกียวจะจมหายไปใต้สมุทรในเวลาอีกไม่ถึง 1 ปี

ทฤษฎีคันโตจมน้ำสร้างความระคายเคืองให้รัฐบาล โดยเฉพาะรองนายกฯ ที่เป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจจากกลุ่มทุนหนุนหลัง เพราะคำเตือนดังกล่าวจะทำให้เค้าโครงเศรษฐกิจทุนอุตสาหกรรมมีปัญหาไปด้วย จึงทำการใส่ร้ายป้ายสีให้เป็นคนบ้า และเป็นพวกหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ และด้วยมายาคติของผู้คนหัวเศรษฐกิจนิยม จึงเชื่อในทฤษฎีสมคบคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องปั้นแต่งเอาประโยชน์

หากเทียบกับสถานการณ์จริง มีผู้คนจำนวนหนึ่งนำโดยกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันที่พยายามจะบอกว่าเรื่องโลกร้อนจากภาวะก๊าซเรือนกระจกเป็นเรื่องหลอกลวงเพื่อประโยชน์ทางการเมือง และยัดแนวทฤษฎีสมคบคิด ทำให้สังคมส่วนหนึ่งที่ไม่อยากยอมรับว่าหายนะโลกมาเยือนแล้วจากมือเราเอง จึงพร้อมจะเชื่อใจเรื่องอุปโลกเหล่านี้

กลับมาที่ซีรีส์ละคร ด้วยความมุ่งมั่นของราชการรุ่นใหม่ระดับสูงหัวก้าวหน้าที่มารวมตัวเป็น “สภาอนาคตญี่ปุ่น” ตามที่นายกฯ ตั้งขึ้น ก็ได้เสาะแสวงหาความจริงจนพบว่าการคาดการณ์ของนักวิทย์เพี้ยนเป็นจริง!

แต่ความจริงทางวิทย์เมื่อเผชิญกับความเป็นจริงทางการเมืองที่รัฐบาลมีส่วนทำโครงการซ้ำเติมหายนะโลก และความเป็นจริงทางเศรษฐกิจที่เรื่องการสร้างความมั่งคั่งรุ่งทางเศรษฐกิจชาติสำคัญกว่าหายนะสิ่งแวดล้อม ปัญหาดินแดนคันโตจะจมทะเลก็ถูกปิดบัง ซ่อนเร้น เฉไฉ และออกแบบแก้ปัญหาแบบค่อยเป็นค่อยไป และเลือกที่จะเชื่อโอกาสเกิดเหตุร้ายมีน้อย

จนเมื่อตัวเอกใช้ทุกช่องทางบีบให้รัฐบาลแถลงความเป็นจริงต่อสาธารณะทันที ประชาชนจึงรับทราบ และเร่งย้ายออกจากพื้นที่จมทะเลได้ทัน แต่กระนั้นก็มีคนหนีไม่ทันตายมหาศาล

มองกลับมาในโลกความเป็นจริง ปัญหาโลกร้อนถูกทำให้จากเรื่องวิกฤติเป็นเรื่องเชื่องๆ ว่ารัฐบาลมีแผนลดก๊าซเรือนกระจกที่ดีแล้ว และยังถูกเฉไฉไปด้วยนโยบายตลาดคาร์บอน เช่น การชดเชยคาร์บอน คาร์บอนเครดิต จนกลุ่มทุน polluter ใหญ่ๆ ของโลกและของไทยล้วนออกมาประกาศบรรลุเป้าหมายคาร์บอนเป็นกลางกันถ้วนหน้า กระบวนการฟอกเขียวที่อำพรางปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ จากกลุ่มพลังงาน และอุตฯ ตามมาด้วยการใช้ Nature Based Solution เช่น ปลูกป่าคาร์บอนเครดิต… ทั้งหมดนี้ทำให้สังคมชะล่าใจนึกว่าเราทำดีแล้ว ทั้งที่แทบไม่ได้ทำอะไร แต่กลับเอาเรื่องโลกร้อนมาหาประโยชน์จากตลาดคาร์บอน

แล้วหายนะก็เกิดขึ้น ดินแดนคันโตจมทะเล และจะลามไปถึงทั่วจนประเทศญี่ปุ่นเจาะจมทั้งหมด!

แนวนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไปจึงไร้ความหมาย สังคมแตกตื่น ขาดการเตรียมพร้อม

เหมือนกับหายนะโลกร้อนในเวลานี้ ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น จีน โดนคลื่นความร้อนรุนแรง พร้อมกับหลายประเทศอย่างประเทศไทยเจออุทกภัยหนักหน่วง เสียหายรุนแรง แต่เรากับไม่เห็นภาคทุนที่ประกาศคาร์บอนเป็นกลาง หรือกลไกตลาดคาร์บอนที่ทุนมหาศาลออกมาช่วยความสูญเสียและเสียหายที่เกิดกับประชาชนและธรรมชาติเลย

หากแต่ในซีรีส์ แม้ฝ่ายเศรษฐกิจนิยมจะไม่อยากเชื่อในหายนะ แต่ด้วยอุดมการณ์ผลประโยชน์ชาติ จึงเป็นจุดเปลี่ยนให้ภาคทุนต่างๆ หันมาร่วมมือกู้วิกฤติอย่างเต็มที่ แม้จะต้องสูญเสียผลประโยชน์ธุรกิจมหาศาล หรือกระทั่งขายบริษัทให้ต่างชาติ เพื่อแลกกับขอให้ชาติต่างๆ รับผู้อพยพญี่ปุ่นก่อนแผ่นดินญี่ปุ่นทั้งหมดจะจม

แต่ผมไม่แน่ใจเลยว่า ภาคทุนใหญ่ๆ ของโลกและของไทยจะยอมมั้ย กลุ่มทุนพลังงานจะยอมเลิกพลังงานฟอสซิลมั้ย จะกระจายอำนาจ ผลประโยชน์พลังงานให้ประชาชนมั้ย กลุ่มทุนการเกษตรและอื่นๆ จะยอมเลิกผูกขาดทรัพยากร เลิกระบบเกษตรเคมีเชิงเดี่ยวแปลงใหญ่ ยอมเป็นเกษตรนิเวศที่ประชาชนทำการผลิต มีความมั่นคงอาหารของตนเองมั้ย หรือจะแย่งชิงทรัพยากร ฟอกเขียวกันต่อไป

ในซีรีส์ยังมีเรื่องสะท้อนด้านสุขภาพ จากโรคระบาดที่ถูกกระตุ้นโดยภาวะโลกร้อนจนระบาดรุนแรงไปทั่วโลก แต่เมื่อบริษัทยาของญี่ปุ่นซึ่งคิดค้นยารักษาโรคระบาดได้ ยอมที่จะไม่ใช้สิทธิบัตร เปิดให้กับทั่วโลกได้ผลิตยารักษา จนหยุดโรคระบาดได้

เหลียวกับมามองปัญหาโควิดในโลกและบ้านเรา กลุ่มธุรกิจยาไม่เคยเสียประโยชน์เลยแม้โลกจะวิกฤติ

เมื่อถึงสุดท้ายที่ญี่ปุ่นจมทะเลเกือบหมด ประเทศญี่ปุ่นที่มีอำนาจต่องรองด้านทุน เทคโนโลยีและการเมืองสูง สามารถอพยพคนกระจายไปตั้ง Japan Town ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

แต่ในโลกความเป็นจริง โลกร้อนกำลังทำให้ประเทศหมู่เกาะและชายฝั่งทะเลจมน้ำ ประเทศเปราะบางเหล่านี้จะมีอำนาจอะไรไปต่อรองแบบที่ญี่ปุ่นในหนังทำได้

และหากหายนะทั้งโลก เราจะย้ายไปที่ไหน และใครมีอำนาจที่จะเลือกไปได้

ซี่รีส์ Japan Sink จบลงด้วยความหวังที่ญี่ปุ่นทั้งที่เหลืออยู่ และญี่ปุ่นโพ้นทะเลยังคงความเป็นรัฐชาติที่เข้มแข็งมั่นคงต่อไป

แต่ความเป็นจริงในภาวะโลกร้อนขณะนี้ เรายังไม่เห็นรัฐ ภาคทุน ประชาสังคมมาร่วมกันอย่างมีเป้าหมาย ปัญญา และแบ่งปันทรัพยากรและความร่วมมือมากพอที่จะสู้วิกฤติ

หรือเราจะปล่อยให้หายนะลามไปทีละส่วนและกินรวบหมด โดยที่สายไปที่จะร่วมกันสู้แล้ว

ในซีรีส์ พลังการเปลี่ยนแปลงมาจากคนเล็กตัวน้อย จากข้าราชการรุ่นใหม่ จากนักวิทย์สติเฟื่อง จากสื่อมวลชนที่เอาจริงเอาจัง แม้จะไม่ได้กล่าวถึงประชาสังคม แต่ก็สะท้อนได้ว่า คนตัวตัวเล็กน้อยเหล่านี้และคือผู้กอบกู้โลก จนรัฐ ทุน และโลกต้องยอมเปลี่ยนตาม

เรื่องภาวะโลกร้อนจึงยังมีหวังอยู่เสมอที่ปรัชาชนคนธรรมดาที่เอาจริงเอาจัง

โลกเรายังมีหวังครับ

….

กฤษฎา บุญชัย
ผู้ประสานงาน TCJA


Social Share