THAI CLIMATE JUSTICE for All

กลยุทธ์การปรับตัวของชาวนาต่อภาวะโลกร้อนในอาเซียน (ตอนที่ 1)

บททบทวนวรรณกรรมโดย Mohd Idris Nor Diana, Nurul Atikah Zulkepli, Chamhuri Siwar และ Muhd Ridzuan Zainol
วันที่ 19 มีนาคม 2022
แปลและเรียบเรียงโดย ปิโยรส ปานยงค์
ภาพประกอบโดย https://doi.org/10.3390/su14063639, https://doi.org/10.30852/10.30852/sb.2023.2101/
อ้างอิง https://doi.org/10.3390/su14063639

1. บทนำ

เกษตรกรรมไม่เพียงแต่เป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกที่สำคัญ แต่ยังมีบทบาทที่สำคัญต่อสังคมและปัจเจกทั่วโลกที่ใช้ชีวิตในการพึ่งพาเกษตรกรรม เกษตรกรรมช่วยให้ผู้คนอิ่มท้อง มีรายได้ และสร้างความมั่นคงทางอาหารสำหรับคนยากจนร้อยละ 80 ที่อาศัยอยู่ในชนบทและทำงานในภาคเกษตร The World Bank Group เป็นธนาคารเพื่อการเกษตรชั้นนำที่สนับสนุนการพัฒนาเกษตรกรรมในพื้นที่ยากจน การลงทุนร่วมกันในภาคเกษตรระหว่าง The World Bank Group กับ International Bank for Reconstruction and Development (IBRD/IDA) คิดเป็นเงินจำนวนถึง 6.8 พันล้านดอลล่าร์ในปี 2018 ตัวเลขทางสถิติของปี 2014 แสดงให้เห็นว่า GDP โลกถึงหนึ่งในสามมาจากภาคเกษตร เพราะเกษตรกรรมมิเพียงแต่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศเท่านั้น ยังสร้างห่วงโซ่อาหารให้แก่ประชากรโลก ลดความไม่เท่าเทียมระหว่างภูมิภาค สร้างงาน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ การนำเข้าและส่งออกสินค้า และยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชนในชนบท นอกจากนี้ยังมีส่วนทำให้เกิดการเจริญเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน ชะลอความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรธรรมชาติ เป้าหมายคือการเพิ่มโอกาสในการใช้พลังงานสะอาดขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ดังนั้นเกษตรกรรมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนาในอาเซียน นอกจากนี้ ยังใช้แรงงานจำนวนมากอีกด้วย ข้อมูลจาก World Bank ในรูปที่ 1 แสดงให้เห็นถึงการจ้างงานในภาคเกษตรในภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงปี 2000–2016 กล่าวคือระหว่างปี 2000-2002 คิดเป็นร้อยละ67.2 ในกัมพูชา ร้อยละ 62 ในเวียตนาม ร้อยละ 60.2 ในเมียนม่าร์ ร้อยละ 44.3 ในอินโดนีเซีย ร้อยละ 43.8 ในไทย ร้อยละ 37 ในฟิลิปปินส์ร้อยละ 14.9 ในมาเลเซีย ร้อยละ 1.1 ในบรูไน และร้อยละ0.8 ในสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม ระหว่างปี 2014-2016 การจ้างงานในภาคเกษตรในประเทศเหล่านี้ลดลงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกัมพูชาที่ลดลงถึง ร้อยละ 30 เวียตนามลดลงร้อยละ 20.1 อินโดนีเซียและไทยลดลงร้อยละ 12.5 และมาเลเซียลดลงร้อยละ 3.5

ในขณะที่เกษตรกรรมช่วยให้ชาวนา สังคม และระบบเศรษฐกิจต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ภาวะโลกร้อนก็ก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างภัยแล้ง อุทกภัย คลื่นความร้อน ไฟป่า ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง และความผิดปกติอื่นๆ นอกจากนี้ ภาวะโลกร้อนยังส่งผลกระทบต่อการผลิต รายได้ และความเป็นอยู่ของมนุษย์อีกด้วย ภัยแล้งและคลื่นความร้อนทำให้พืชผลทางการเกษตรล้มตายในหลายภูมิภาคของโลกมาตั้งแต่ปี 1964 ถึง 2007 ดังนั้น ภาวะโลกร้อนจึงเป็นปัญหาร้ายแรงต่อภาคเกษตรที่ผลิตอาหารให้แก่ประชากรโลก

ดังนั้น ทุกภาคส่วนจึงพยายามค้นหาแนวทางเพื่อบรรเทาปัญหาและช่วยชาวนาตั้งรับปรับตัวต่อภาวะโลกร้อน การใช้เทคโนโลยีเป็นหนึ่งในวิธีที่นิยมนำมาใช้ในการนี้ รายงานการวิจัยโดย Lobell ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมเป็นเวลาเก้าปีในการวัดอัตราการเสื่อมสลายตัวของข้าวสาลีในอินเดียตอนเหนือเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะโลกร้อนกับผลผลิตทางการเกษตร ผลการศึกษาสรุปว่าคลื่นความร้อนทำให้พืชผลเสื่อมสลายตัวเร็วขึ้น งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าความร้อนจัดทำให้ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำลง

สภาพอากาศในปัจจุบันเลวร้ายลงทุกวันๆ และแน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนา ผลผลิต และรายได้ นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดภัยแล้ง เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม และฝนไม่ตกตามฤดูกาล ภัยธรรมชาติที่เกิดบ่อยขึ้นและทวีความรุนแรงขึ้นนี้ย่อมทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาประสบภาวะยากลำบาก ดังนั้นชาวนาจะต้องมีกลยุทธ์การตั้งรับปรับตัวและสร้างภูมิคุ้มกันต่อภาวะโลกร้อน

ความเสียหายในภาคเกษตรจากภาวะโลกร้อน

อาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนมากที่สุดเนื่องจากมีแนวชายฝั่งที่ยาว มีฤดูมรสุม มีประชากรอยู่หนาแน่น มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจหนาแน่นตามแนวชายฝั่ง และพึ่งพาอาศัยการเกษตร ประมง ป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆในการดำรงชีพเป็นอย่างมาก และสภาพภูมิอากาศก็เป็นตัวกำหนดผลผลิต ในมาเลเซีย ภาวะโลกร้อนกำลังก่อความเสียหายแก่ภาคเกษตรของประเทศอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่นปรากฏการณ์เอล นินโญเมื่อเร็วๆนี้ทำให้ผลผลิตน้ำมันปาล์มตกต่ำ นอกจากนี้ World Bank ยังได้ทำนายไว้ว่าภาวะโลกร้อนจะทำให้ผลผลิตข้าวตกต่ำลงประมาณร้อยละ 4-10 ขึ้นอยู่กับที่ตั้งและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป ในมาเลเซีย ภาวะโลกร้อนทำให้ผลผลิตข้าวและธัญพืชอื่นๆลดลงประมาณร้อยละ 13–80 และ 10–30 ตามลำดับ ดังนั้น ชาวนาจะต้องหาวิธีแก้ปัญหาความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศดังกล่าวและวิธีปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป การคำนวณผลกระบทจากภาวะโลกร้อนนั้นเป็นเรื่องที่ยากเพราะความไม่แน่นอนของสภาพอากาศในแต่ละภูมิภาค ภูมิคุ้มกันของพืชที่มีต่อภาวะโลกร้อน ความสัมพันธ์ระหว่างโมเดลอากาศและการผลิตธัญพืช และความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลง

เป็นที่ทราบกันดีว่าผลผลิตปาล์มน้ำมันนั้นจะลดลงร้อยละ 2-5 เมื่ออุณหภูมิผิวโลกเพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ◦C นอกจากนี้ ฝนที่ไม่ตกต้องตามฤดูกาลยังมีผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรอีกด้วย โดยเมล็ดจะสึกกร่อนทำให้น้ำหนักลดลง ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปสู่รายได้ของชาวนา รายได้ของประเทศ และการส่งออก มีกลุ่มนักวิชาการได้จำลองสภาพอากาศโลกที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และพบว่าอาเซียนจะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดเนื่องจากประชากรสามในสี่ต้องพึ่งพาการเกษตร

ดังนั้น ภาวะโลกร้อนจึงมิเพียงแต่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์เท่านั้น ยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตอื่นๆบนโลกอีกด้วย ธรรมชาติของมนุษย์จะทำให้มนุษย์ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน เช่นที่ Lasco ค้นพบว่าระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19- 21 และผลกระทบในระยะสั้นและระยะยาวยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ค่อนข้างจะแน่นอนว่าประเทศกลุ่มอาเซียนจะได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดเช่นกันอันเนื่องมาจากแนวชายฝั่งที่ยาวตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ทว่าประทศอื่นๆก็จะได้รับผลกระทบเช่นกันเพราะระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างอย่างช้าๆแต่ว่าคงที่ตลอดเวลา

ผลของภาวะโลกร้อนได้แก่อุณหภูมิของอากาศและน้ำสูงขึ้น หิมะตกน้อยลง น้ำแข็งอาร์กติกละลาย และระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ภาวะโลกร้อนมิเพียงแต่เปลี่ยนวิถีชีวิตผู้คนเท่านั้น แต่ยังลดผลผลิตและรายได้เกษตรกรอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดภัยแล้ง คลื่นความร้อน ฝนไม่ตกตามฤดูกาล และภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่นๆ ดังนั้นชาวนาจะต้องมีกลยุทธ์การปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ทว่าชาวนาส่วนมากในอาเซียนยังขาดทักษะและเทคโนโลยีที่ใช้เพื่อการปรับตัวต่อความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศ ดังนั้นเราจึงต้องหาวิธีบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนแล้วจึงพัฒนาแนวทางตั้งรับปรับตัวเพื่อปกป้องแหล่งทรัพยากร ระบบนิเวศ ความมั่นคงอาหาร และความยั่งยืนในอาเซียน

Scroll to Top