THAI CLIMATE JUSTICE for All

สถาบันรับรองคาร์บอนเครดิตที่ใหญ่ที่สุดกำลังแก้ไขกลไกชดเชยคาร์บอนด้วยการอนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อนชื้น

เขียนโดย Patrick Greenfield
วันที่ 10 มีนาคม 2023
แปลและเรียบเรียงโดย ปิโยรส ปานยงค์
ภาพประกอบ/อ้างอิง https://www.theguardian.com/…/biggest-carbon-credit…

สถาบันรับรองคาร์บอนเครดิตที่ใหญ่ที่สุดของโลกที่มีผู้ใช้บริการอย่างดิสนีย์ เชลล์ กุชชี่ และบรรษัทขนาดยักษ์อื่นๆในการเอาคาร์บอนเครดิตแจ้งว่าทางสถาบันฯ กำลังยกเลิกกลไกชดเชยคาร์บอนด้วยการอนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อนชื้นภายในกลางปี 2025 หลังจากที่การสอบสวนของ The Guardian พบข้อบกพร่องในกลไกดังกล่าว

สถาบัน Verra ซึ่งเป็นสถาบันรับรองคาร์บอนเครดิตที่กำกับดูแลตลาดแลกเปลี่ยนคาร์บอนภาคสมัครใจมูลค่า 2 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ประกาศว่าจะยกเลิกโครงการอนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อนชื้นในเดือนกรกฎาคม ปี 2025 และนำเอากลไกอื่นที่เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2021 มาใช้แทนที่ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกลไกใหม่นี้แต่อย่างใด

ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ทำการสืบสวนมาเป็นเวลา 9 เดือน สำนักพิมพ์ The Guardian ร่วมกับ Die Zeit ของเยอรมัน และ SourceMaterial พบปัญหาในระบบ กล่าวคือ ประการแรก การวิเคราะห์โครงการส่วนใหญ่ของ Verra บ่งชี้ว่าคาร์บอนเครดิตถึง 90% มิได้มาจากปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดซับอย่างแท้จริง ประการที่สอง มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในโครงการที่ดำเนินโดยสถาบันฯและรัฐบาลเปรู ด้วยการไล่ชนพื้นเมืองออกจากที่ทำกินของตน

คาร์บอนเครดิตของ Verra ได้ขายให้แก่ลูกค้าชื่อดังอย่าง Pearl Jam, easyJet, Lavazza และ Berkeley Group เพื่อนำไปอ้างว่าบริษัทของตนเป็นกลางทางคาร์บอนหรือ “Carbon Neutral” หรือนำไปบอกลูกค้าของตนว่าพวกเขาสามารถเดินทาง ซื้อเสื้อผ้าใหม่ หรือรับประทานอาหารได้โดยไม่ทำให้ภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้นอีก ในประเทศสิงคโปร์และโคลอมเบีย บริษัทถึงกับสามารถใช้คาร์บอนเครดิตแทนการจ่ายภาษีคาร์บอนได้

ผลการสืบสวนพบว่าการเอาคาร์บอนเครดิตจากโครงการอนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อนชื้นที่ตั้งขึ้นบนสมมติฐานที่ว่า ถ้าปราศจากซึ่งโครงการอนุรักษ์นี้แล้ว ป่าก็จะถูกตัดจนหมด นั้นเป็นสมมติฐานที่เป็นเท็จ ทำให้บรรดาบริษัทที่ซื้อคาร์บอนเครดิตไปอ้างนั้นตกอยู่ในฐานะฟอกเขียว แม้ว่า Verra จะออกมาปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าสถาบันยังคงยึดมั่นในการอนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อนชื้น อย่างไรก็ตาม มือกฎหมายในสหรัฐอเมริกาและยุโรปก็เริ่มเข้ามาตรวจสอบเครดิตและคำอ้างของลูกค้าว่าบริษัทของตนเป็นกลางทางคาร์บอนหรือ “Carbon Neutral” กันมากขึ้น

ส่วน Verra ก็ยังคงหนุนหลังกลไกนี้ แม้ว่านักออกแบบกลไกของ Verra เองได้ออกมายอมรับว่าระบบของเขานั้นมีปัญหาและเปิดโอกาสให้ผู้ไม่ประสงค์ดีนำไปใช้อย่างผิดๆได้ ซึ่งทำให้คาร์บอนเครดิตจำนวนเป็นสิบๆล้านหน่วยของสถาบันที่ลูกค้าซื้อไปอ้างนั้นไร้ค่าทันที เมื่อเดือนที่ผ่านมา สถาบันได้ประกาศว่าจะอัปเดตกระบวนการของตนในเดือนหน้าและจะนำกระบวนการใหม่มาใช้ในปีถัดไป และแจ้งว่าลูกค้าสามารถร้องขอใช้กระบวนการใหม่นี้ได้ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มบุคลากรเพื่อทบทวนโครงการอนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อนชื้นท่านกลางความผิดหวังของผู้ซื้อในความล่าช้าของสถาบัน ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการในคาร์บอนเครดิตที่ยังสูงมาก

การตรวจสอบเครดิตโดยผู้ใช้กฎหมายทำให้เกิดความไม่มั่นใจในโครงการว่าจะสามารถบรรเทาปัญหาโลกร้อนได้จริง ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามที่จะสร้างกลไกนี้ให้เป็นอุตสาหกรรมระดับพันล้านดอลล่าร์ที่กฎหมายยังไม่พร้อมเข้ากำกับดูแลและเต็มไปด้วย conflicts of interest และผู้ซื้อก็จะสูญเงินเปล่าหากคาร์บอนเครดิตเหล่านี้ไม่ได้รับการรับรอง ซึ่งหลายองค์กรในอุตสาหกรรมนี้ทำเงินเป็นล้านในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด 19 เมื่อความต้องการในคาร์บอนเครดิตเพิ่มสูงขึ้น และ Verra ก็ทำรายได้ 0.1 ดอลล่าร์สหรัฐฯในทุกๆเครดิตที่รับรอง ซึ่งมีเป็นจำนวนสิบๆล้านเครดิตต่อปี ส่งผลให้รายได้พุ่งสูงขึ้นเมื่อตลาดคาร์บอนเติบโตอย่างรวดเร็ว นาย David Antonioli ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Verra เคยกล่าวไว้ว่าคาร์บอนเครดิตเหล่านี้อาศัยความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ ในขณะที่นักออกแบบกลไกของ Verra ยอมรับว่ากลไกลตลาดคาร์บอนนั้นมีปัญหา

นางสาว Charlotte Streck ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Climate Focus ที่ร่วมออกแบบกลไกเอาคาร์บอนเครดิตของ Verra กล่าวว่ากฎเกณฑ์ที่ใช้เปิดโอกาสให้ผู้ไม่ประสงค์ดีนำมาใช้ตีความผิดๆและหาประโยชน์จากการนั้นได้ ดังนั้นระบบจึงต้องได้รับการออกแบบเสียใหม่ ส่วนนาย Kyle Holland หนึ่งในทีมงานออกแบบก็พูดว่า “ระบบเอื้อให้คนหาประโยชน์จากความยืดหยุ่นของมันเอง” และนาย Lucio Pedroni อีกหนึ่งสมาชิกทีมออกแบบกล่าวว่าการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่านั้นยากที่จะวัดค่าได้ จึงถูกนำไปใช้อ้างเกินความเป็นจริง

ราคาและความต้องการในคาร์บอนเครดิตของ Verra ตกต่ำลงอย่างรวดเร็วหลังประกาศผลการสืบสวน ตามมาด้วยการตกต่ำของตลาดในปี 2021 ในวันอังควรที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงของ Verra ที่รับผิดชอบด้านโครงการชดเชยคาร์บอนได้กล่าวในที่ประชุมนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญว่าสถาบันจะนำระบบใหม่เข้ามาใช้ทดแทนระบบที่มีปัญหาในเร็ว ๆ นี้

“เราจะพัฒนาระบบให้ดีขึ้น แต่ในขณะนี้เราขอรับรองว่ากระบวนวิธีที่ใช้อยู่นั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่มีอยู่ อย่างไรก็ตามเราจะทบทวนแก้ไขส่วนของระบบที่มีปัญหาจนถึงเวลาที่ระบบใหม่จะพร้อมใช้งาน” นาย Baroody ชี้แจง

Verra ยืนยันกับ The Guardian ว่าทุกโครงการจะหันไปใช้กลไกใหม่ภายในเดือนกรกฎาคมปี 2025 หรือทันที่มีข้อมูลการตัดไม้ทำลายป่ามาสนับสนุน อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ Britaldo Soares-Filho แห่งสาขาวิชาต้นแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัย Federal University of Minas Gerais ประเทศบราซิล ชี้ให้เห็นถึงข้อขัดแย้งในการนำระบบใหม่มาทดแทนระบบเดิมของ Verra

“เมื่อผมได้เห็น Verra นำเอาโมเดลของผมไปใช้ ผมพบว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ผมจึงต้องออกมาชี้แจงว่า Verra รับรองเครดิตด้วยหลักการที่มีจุดอ่อน และตอนนี้ก็ออกมาประกาศว่าพวกเขาจะเปลี่ยนทุกอย่างใหม่ แต่เครดิตที่มีอยู่ในปัจจุบันมันใช้ไม่ได้แล้ว และจะเกิดอะไรขึ้นกับโครงการเหล่านี้ต่อไปล่ะ?” ศาสตราจารย์กล่าว

อย่างไรก็ตาม โฆษกของสถาบันยังยืนยันว่าองค์กรจะอัปเดตกระบวนการของตนในเดือนหน้าและจะนำกระบวนการใหม่มาใช้ในปีถัดไป และยังได้เพิ่มบุคลากรเพื่อทบทวนโครงการอนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อนชื้นทุกๆห้าปี ล่าสุดทางสถาบันฯได้แต่งตั้งประธานคนใหม่มาเพื่อกู้วิกฤติองค์กรนี้โดยเฉพาะ

Scroll to Top