THAI CLIMATE JUSTICE for All

Social Share

เขียนโดย คณะผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านข้อตกลง Net Zero ที่เกี่ยวกับภาคเอกชน
เผยแพร่ใน INTEGRITY MATTERS: NET ZERO COMMITMENTS BY BUSINESSES, FINANCIAL INSTITUTIONS, CITIES AND REGIONS
วันที่เผยแพร่ 18 พฤศจิกายน 2022
แปลและเรียบเรียงโดย ปิโยรส ปานยงค์
ภาพประกอบโดย Earth.Org

(ต่อจากวันเสาร์ที่แล้ว)

ข้อแสนอแนะข้อที่ 7 : มนุษย์และธรรมชาติในกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรม

อุปสรรคและทางแก้ไข

การลดการตัดไม้ทำลายป่าที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ที่ดินและการเกษตรจะช่วยให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกลดลงได้ถึง 11% ตามข้อมูลจากรายงาน IPCC ในการบรรลุเป้าหมาย 1.5°C นั้น การตัดไม้ทำลายป่าจะต้องสิ้นสุดลงภายในทศวรรษนี้ และภาคเอกชนจะต้องก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการหยุดตัดไม้ทำลายป่าและหาประโยชน์จากระบบนิเวศภายในปี 2025 เป็นอย่างช้า

ภาคเอกชนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร ป่าไม้ และที่ดิน มีบทบาทสำคัญที่จะขับเคลื่อนโลกสู่เป้าหมาย Net Zero และปกป้องฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชี้ว่าเราต้องฟื้นฟูระบบนิเวศอย่างน้อย 30% ภายในปี 2030 ทว่าการฟื้นฟูธรรมชาติมิได้เป็นเพียงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แต่ยังเป็นประเด็นทางสังคมและความเป็นธรรมอีกด้วย ระบบนิเวศที่สมบูรณ์มีความสำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goal) และสามารถปลดล็อคผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างอาหาร ยา การท่องเที่ยว และคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแรงงาน ผู้ผลิต และชุมชนที่ต้องพึ่งพาระบบนิเวศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสตรีชาวบ้านที่แม้ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไม่เป็นธรรมก็ยังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการแก้ปัญหา

นอกจากนี้ เราต้องให้ความสำคัญแก่กลุ่มชนพื้นเมืองที่มักอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงและมีบทบาทเป็นผู้พิทักษ์ป่า และเราจะต้องให้ความเคารพต่อสิทธิเหนือที่ดินและแหล่งน้ำของชนพื้นเมืองที่สืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษ

ข้อเสนอแนะ

• แผนปฏิบัติการเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ของภาคธุรกิจและเทศบาลเมืองที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นผลมาจากการใช้ที่ดินจะต้องรวมถึงแผนการดำเนินกิจกรรมของตนโดยหยุดตัดไม้ทำลายป่าและหยุดการสูญเสียพื้นที่ชุ่มน้ำภายในปี 2025 เป็นอย่างช้าและไม่พยายามที่จะนำระบบนิเวศอื่นๆที่ยังเหลืออยู่ออกมาใช้หาผลประโยชน์อีกภายในปี 2030

• สถาบันการเงินควรมีนโยบายที่จะไม่ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าและหยุดการลงทุนและการให้กู้ยืมในภาคเกษตรที่ก่อให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2025 ให้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero

รายละเอียดของข้อเสนอแนะ

• นอกเหนือไปจากการหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่การผลิตของตนแล้ว ภาคธุรกิจควรลงทุนในกิจกรรมอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero โดยรวม ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญเมื่อเราพิจารณาถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อแหล่งเก็บกักคาร์บอนตามธรรมชาติสูญหายไป ยกตัวอย่างเช่นการลงทุนเพื่อซื้อบริการทางระบบนิเวศ ซึ่งรวมถึงการซื้อคาร์บอนเครดิต ทว่าเครดิตเหล่านี้จะต้องไม่ถูกนำไปใช้ทดแทนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

• เทศบาลเมืองควรโปรโมทการพัฒนาชุมชนขนาดเล็กซึ่งจะทำให้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและฟื้นฟูระบบนิเวศได้ผลดีขึ้น และรวมไปถึงการใช้รถสาธารณะแทนรถส่วนตัว หลีกเลี่ยงการลงทุนประเภท Greenfield ปรับปรุงอาคารเก่าเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่แทนการสร้างใหม่ และกำหนดพื้นที่อนุรักษ์รอบๆแหล่งน้ำ ทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม การกระทำเช่นนี้มิใช่แต่เพียงเพื่ออนุรักษ์ระบบนิเวศเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการตั้งรับปรับตัวต่อภาวะโลกร้อนและก่อให้เกิดผลประโยชน์ในการใช้พื้นที่เมืองที่ดีขึ้น และควรเริ่มจากชุมชนเปราะบางต่อภาวะโลกร้อนก่อนเสมอ

• ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันการเงิน ควรเรียกร้องให้เกิดแนวทางเรื่องการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยนำเอาความเสี่ยงต่อระบบนิเวศและการพึ่งพาซึ่งกันและกันขององค์ประกอบต่างๆในแผน Net Zero มาร่วมพิจารณา


Social Share