THAI CLIMATE JUSTICE for All

Social Share


โดยพอล เมสัน | วันที่ 12 เมษายน 2021

อุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการจัดประชุมสุดยอดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของสหประชาชาติในปี 2021 (Cop26) ได้แก่บรรยากาศของความคลุมเครือและคำมั่นสัญญา ซึ่งเราจะต้องขจัดออกไปด้วยข้อเท็จจริงและหลักเหตุผล.ผมเคยตั้งข้อสงสัยไว้บ่อยครั้งว่า ถ้ารัฐบาลของประเทศหนึ่งจัดประชุมสุดยอดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของสหประชาชาติแล้ว รัฐบาลนั้นก็อาจจะนำเสนอแผนการที่จะหยุดยั้งภาวะโลกร้อนด้วยความอึดอัดใจ เป็นที่น่าเสียใจที่เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นใน COP26. .ในขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันแห่งสหราชอาณาจักรพยายามที่จะเล่นสำนวนโดยการเติมคำว่า “เขียว” เข้าไปในชื่อของร่างนโยบายหรือการประชุมที่เกี่ยวข้องกับระดับคาร์บอนแทบจะทุกร่างนั้น งบประมาณที่ตั้งไว้สำหรับลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้แก่ หนึ่งหมื่นสองพันล้านปอนด์สำหรับการก่อสร้างฟาร์มพลังงานลมนอกชายฝั่ง อีกหนึ่งหมื่นสองพันล้านปอนด์สำหรับธนาคารเขียว และหนึ่งหมื่นห้าพันล้านปอนด์สำหรับประเด็นด้านหนี้ “green gilt” หรืองบประมาณรายจ่ายสำหรับการรักษาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม นั้นเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับนโยบายพรรคแรงงาน “Labour’s 2019 manifesto” ที่อนุญาตให้พรรคกู้เงินจำนวนสองล้านห้าแสนล้านปอนด์ภายในระยะเวลาสิบปี เพื่อนำมาใช้ในการติดตั้งฉนวนกันความร้อนให้บ้านเรือนประชาชน 27 ล้านหลัง สร้างกังหันพลังงานลม 9,000 ตัว และแผงโซล่าร์เซลล์ขนาดเท่าสนามฟุตบอล 22,000 สนาม

กระบวนการคิด

แต่ทว่าโครงการเหล่านี้ก็ไม้ได้ช่วยให้พรรคบรรลุถึงเป้าหมายปริมาณคาร์บอนสุทธิ = 0 ได้ภายในปี 2030 ต่อให้พิจารณาเพียงแค่ภาคพลังงาน พรรคแรงงานของนาย Corbyn ก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ภายในปี 2039 อย่าว่าแต่จะมีภาคอุตสาหกรรมและขนส่งพ่วงเข้ามาด้วยเลย.ท้ายที่สุด ประชาชนก็ได้ลงคะแนนเสียงล้มเลิกโครงการเงินกู้ปี 2019 ของพรรคแรงงาน แต่ดูเหมือนว่าผู้นำพรรคคนใหม่จะไม่ต้องการจำนวนโหวตที่มากเกินไปกว่าจำนวนที่พรรคอนุรักษ์นิยมเสนอ เพราะความหวั่นเกรงในเสียงโหวตของพรรคอนุรักษ์นิยมในเมืองเล็กต่างๆ แต่ไม่ว่าเราจะเบื่อหน่ายต่อนักการเมืองเพียงใดก็ตาม หน้าที่หลักของการเมืองเพื่อสิ่งแวดล้อมคือการผลักดันให้นักการเมืองพูดและคิดถึงผลลัพธ์ ไม่ใช่คิดถึงเงินลงทุนเป็นจำนวนหมื่นล้าน นานมากแล้วที่นักการเมืองเอาแต่พร่ำพูดถึงค่าใช้จ่ายอย่างคลุมเครือ โดยไม่ยอมคิดถึงความร่วมมือและการดำเนินการโดยเฉียบขาดเพื่อบรรลุเป้าหมายปริมาณคาร์บอนสุทธิ = 0 และก็นานมากแล้วที่นักการเมืองได้สร้างกรอบความคิดของตนเกี่ยวกับการลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนว่าเป็นสิ่งที่ “มีก็ดี ไม่มีก็ได้” หรือ “เราก็ทำโน่นนิดนี่หน่อยแล้วนี่ ลองมาดูกันว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร” แล้วนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานถ่านหินที่ผลักดันความคิดของนาย Corbyn ให้หลุดออกไปจากเป้าหมายปี 2030 รวมถึงประชาชนคนใช้พลังงานก็จะรับเอาความคิดแบบเดียวกันไป

การแก้ปัญหา

การเปลี่ยนความคิดจากตีสุ่มแล้วหลังผลมาสู่ภาระผูกพันตามกฎหมายนั้นจะต้องใช้การดำเนินการเชิงรุกหลายด้าน รวมไปถึงการล็อบบี้นักการเมืองไปจนถึงการสร้างบรรยาการของการปนระชุมที่ปรากเมื่อ 21 ปีที่แล้วในเวทีประชุม COP26.ผมเห็นความหวังในเรื่องนี้อยู่บ้างจากการที่นักการเมืองกลุ่มซ้ายรุ่นใหม่ๆไม่พอใจกับวิธีการแก้ปัญหาแบบเคนส์ที่ใช้เงินแก้ปัญหาที่ต้องแก้โดยการปรับโครงสร้างสังคม ที่พรรคนำเสนอในปี 2019.เมื่อเดือนที่ผ่านมา นาย Ed Miliband รัฐมนตรีเงา ได้เรียกร้องให้รัฐบาลออกเงินกู้ไม่มีดอกเบี้ยและงบประมาณอุดหนุนการซื้อคืนรถเก่าเพื่อเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนน แต่สิ่งที่เราต้องการจริงๆนั้นได้แก่การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของการขนส่งสาธารณะเพื่อประชาชนจะได้เดินหรือขี่จักรยานไปทำงาน หรือใช้บริการระบบสาธารณะที่ออกแบบให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม.เป็นเรื่องน่าเศร้าของการเมืองสมัยใหม่ที่การแก้ปัญหาโดยพิจารณาที่ผลลัพธ์ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับคนในศตวรรษที่ 21 นั้น เป็นเรื่องที่น่ากลัวเกินไปที่จะยกขึ้นมาพูด สำหรับนักการเมืองในยุคเดียวกัน ในเชิงทฤษฎีแล้ว ผมไม่คิดว่าเราต้องละทิ้งทุนนิยมเพื่อเป้าหมายปริมาณคาร์บอนสุทธิ = 0 ในทางปฏิบัติแล้วเรื่องนี้สามารถทำได้โดยใช้เวลาประมาณสิบปี โดยการละทิ้งวิธีการที่ไม่เหมาะสมและสุกเอาเผากิน แล้วหันมาใช้วิธีการแก้ปัญหาด้านที่อยู่อาศัย งาน ขนส่ง และการบริโภค อย่างยั่งยืน

ขาดความรู้ความเข้าใจ

ปัญหาที่แท้จริงคือ ทุนนิยมที่เราต้องการเพื่อบรรลุเป้าหมายปริมาณคาร์บอนสุทธิ = 0 นั้นเป็นระบบทุนนิยมที่ไม่ได้รับการยอมรับกัน การบรรลุเป้าหมายนั้น เราจะต้องใช้ความเคลื่อนไหวโดยมวลชน ในฐานะที่ผมเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคมมาตลอดชีวิต และได้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากความพยายามที่จะปกป้องระบบการผลิตที่ใช้พลังงานถ่านหินมาเป็นระบบที่ปลดปล่อยปริมาณคาร์บอนสุทธิ = 0 ด้วยเหตุผลที่เป็นที่เข้าใจได้ และเป็นความเคลื่อนไหวจากรากหญ้าที่อาจมองดูเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงจากมุมมองเมื่อสิบปีที่แล้ว.พรรคอนุรักษ์นิยมมอง COP26 ว่าเป็นโอกาสที่สำคัญ แต่สำหรับผมแล้ว มันไม่ใช่เป็นเพียงโอกาสที่จะประท้วง แต่เป็นโอกาสที่จะนำเสนอ เติมเต็มประเด็นวาระที่ขายหายไป โดยประชาชนระดับรากหญ้าจากทั่วโลก.คำถามที่สำคัญสำหรับผู้ร่างนโยบายคือ นโยบายที่คุณเสนอมานั้นจะทำให้เราบรรลุเป้าหมายปริมาณคาร์บอนสุทธิ = 0 ได้อย่างไร และเมื่อไร การที่ผู้ประกาศข่าวส่วนมากขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องสภาพภูมิอากาศทำให้คำถามนี้ไม่เคยถูกยกขึ้นมาถาม

คำสัญญา

คุณสมบัติสำคัญของผู้ร่างนโยบายรุ่นใหม่ได้แก่ความจริงจังในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ และความหนักแน่นของข้อเสนอในการแก้ปัญหา ความชัดเจนของพระราชบัญญัติ Ocasio-Cortez/Markey (ที่เดิมชื่อ Green New Deal) นั้นมาจากความหนักแน่นของข้อเสนอต่างๆในพรบ. โดยพระราชบัญญัตินี้ระบุว่า เราจะต้องดำเนินการ 1, 2, 3 เพื่อบรรลุเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้ดังต่อไปนี้ ….. (ถึงแม้ว่าผมยังมองเห็นข้อโต้แย้งจากความเป็นปัจเจคบุคคลแบบอเมริกันและการบริโภคโดยสาธารณะชน ในพรบ.ฉบับนี้อยู่ก็ตาม) หากผลการประชุม COP26 ไม่สามารถทำให้มีความชัดเจนเช่นนี้ได้ เราคงต้องทำอะไรที่มากไปกว่าตะโกนใส่พวกนักกการเมืองที่เข้าร่วมประชุม เราต้องการแผนงานที่ได้รับการเห็นชอบจากทุกฝ่ายและมีอำนาจในการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายปริมาณคาร์บอนสุทธิ = 0 และเพื่อขอคำมั่นสัญญาจากคณะกรรมการ รัฐบาล และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายเพื่อให้มุ่งไปในทิศทางเดียวกัน .อุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการจัดประชุมสุดยอด Cop26 ได้แก่บรรยากาศของความคลุมเครือและคำมั่นสัญญา ซึ่งเราต้องขจัดออกไปด้วยข้อเท็จจริงและหลักเหตุผล และเหตุผลเหล่านี้คงต้องใช้การส่งเสียงออกไปดังๆ

ที่มา : The Ecologist


Social Share